ข่าวนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่ดีของ L’Oréal ที่ต้องการจะยกระดับวงการความงามและสกินแคร์ด้วยการก้าวไปอีกขั้นในการพัฒนาและปรับสูตรผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแบรนด์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยกำลังร่วมมือกับ Green Sciences ซึ่งเป็นองค์กรที่รวมนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในโครงการวิจัยเพื่อส่งเสริมนโยบายและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้มีอำนาจตัดสินใจสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน ซึ่งการดำเนินงานควบคู่ไปกับ Green Sciences ในครั้งนี้ก็เพื่อให้ได้ส่วนผสมที่ยั่งยืน 95% ในสูตรของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายในปี 2030 หรือภายใน 9 ปีข้างหน้านี้
View this post on Instagram
สูตรที่ยั่งยืน 95% ที่ถือเป็นเป้าหมายที่ใหญ่สุดของแบรนด์ตอนนี้ นอกจากจะเป็นนโยบายของบริษัทที่เล็งเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว วัดได้จากการพยายามจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านบรรจุภัณฑ์กระดาษที่เริ่มเป็นรูปร่างและสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% แล้ว การตั้งเป้าใหม่ครั้งนี้ก็เป็นการพัฒนาต่อเพื่อตอบสนองความต้องการสิ่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อคนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมนั้น กลุ่มบริษัทได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2030 จะมีส่วนผสมถึง 95% ได้มาจากแหล่งพืชหมุนเวียนแร่ธาตุมากมาย หรือได้จากกระบวนการหมุนเวียน และ 100% ของสูตรเป็นไปตามสภาพแวดล้อมทางน้ำ ถามว่าทำไมไม่ตั้งเป้าไปที่การมีส่วนผสมที่ยั่งยืน 100% ไปเลยล่ะ? ก็เพราะว่าผลิตภัณฑ์บางประเภทของบริษัท L’Oréal โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ ดูแลเส้นผมนั้นยังไม่สามารถเปลี่ยนส่วนผสมที่มาจากน้ำมันทั้งหมดได้ในทางเทคนิคโดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพลดลง จึงคง 5% นี้ไว้เพื่อพัฒนาคิดค้นกันต่อไป “ความทะเยอทะยานของเราที่ตั้งเป้ากันเอาไว้ คือภายในปี 2030 เราจะสามารถนำเสนอเครื่องสำอางที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสำหรับผู้หญิงและผู้ชายทั่วโลกที่เคารพสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” Nicolas Hieronimus รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ L’Oréal ที่รับผิดชอบแผนกต่างๆ กล่าว และเดินหน้าร่วมมือเชิงกลยุทธ์ต่อไปซึ่งสำหรับแบรนด์แล้วยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก
เพราะจากข้อมูลพบว่า 80% ของวัตถุดิบที่ ‘ย่อยสลายได้ง่าย’ และ 59% สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่มีเพียง 34% เท่านั้นที่มาจากธรรมชาติ นอกจากนี้ 29% ของส่วนผสมที่ใช้ในสูตรของ L’Oréal ได้รับการพัฒนาตามหลักการของ Green Chemistry
View this post on Instagram
และเพื่อเน้นความโปร่งใสที่มากขึ้น บริษัทมีการริเริ่มอะไรใหม่ๆ เช่น การปรับปรุงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนผสมเครื่องสำอางโดยเฉพาะ ผ่านเว็บไซต์ Inside Our Products ที่ครอบคลุมส่วนผสมที่ระบุไว้เกือบ 1,000 รายการ และขณะนี้มีให้บริการใน 45 ประเทศใน 8 ภาษา ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก หากเราสงสัยว่าผลิตภัณฑ์ที่เราชอบนั้นมีส่วนผสมอะไรบ้าง การเข้าไปศึกษาข้อมูลและส่วนรายชื่อส่วนผสมก็เป็นอีกทางที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีข่าวอัปเดตอีกว่าแบรนด์ L’Oréal จะเริ่มปฏิวัติจัดระเบียบไดรฟ์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram, LinkedIn และ YouTube ในบาง 20 ประเทศ เพื่อให้ทุกคนจับต้องและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: