ลอรีอัล กรุ๊ป (L’Oreal Group) บริษัทผู้ผลิตสินค้าด้านความงามสัญชาติฝรั่งเศส ได้เปิดผลประกอบการประจำปี 2020 ที่ผ่านมา โดยพบว่ายอดขายโดยรวมตลอดทั้งปีอยู่ที่ 27,992 ล้านยูโร หรือกว่า 1.02 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว -4.1% และมีกำไรสุทธิที่ 3,563 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ปรับลดจากปีก่อนหน้าที่ -5%
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ของปี ที่สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายมากขึ้นนั้น ส่งผลให้ ลอรีอัล กรุ๊ป สามารถหวนคืนสู่การเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังตามที่ได้คาดการณ์ไว้ และมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 4.8% และยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซได้สำเร็จ
ส่งผลให้ยอดขายช่องทางออนไลน์ของ L’Oreal เติบโตขึ้นถึง 62% คิดเป็นสัดส่วน 26.6% ของยอดขายของทั้งบริษัทในปี 2020 ซึ่งถือเป็นสถิติยอดขายที่สูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัท
ขณะที่เมื่อจำแนกการเติบโตของรายได้บริษัทตามแผนกผลิตภัณฑ์จะพบว่า ‘เวชสำอาง’ เป็นเพียงแผนกเดียวที่มีทิศทางการเติบโตของรายได้ที่ 18.9% ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ และมีมูลค่ายอดขายโดยรวมทะลุกว่า 3 พันล้านยูโรเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ได้รับอานิสงส์ของเทรนด์กระแสความสนใจที่มีต่อตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซึ่ง La Roche-Posay และ CERAVE คือสองแบรนด์ที่มีส่วนสำคัญ ผลักดันให้รายได้บริษัทในแผนกนี้เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ, ผลิตภัณฑ์อุปโภค และผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง มียอดขายลดลงที่ -6.4%, -4.7% และ -8.1% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากจำแนกยอดขายของ L’Oreal ตามแต่ละตลาดและภูมิภาค ‘จีน’ ถือเป็นตลาดที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 27.0% รองลงมาคือเอเชียแปซิฟิกที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 3.5% ส่วนยุโรปตะวันตกมียอดขายลดลง -10.3%, อเมริกาเหนือ ยอดขายลดลง -7.4%, ยุโรปตะวันออก ยอดขายลดลง -4.9%, แอฟริกาและตะวันออกกลาง ยอดขายลดลง -3.3 และละตินอเมริกา ยอดขายลดลง -1.5%
ฌอง-พอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า “ในช่วงต้นปี 2021 สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่กลุ่มผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลกก็ยังคงมีความต้องการในเรื่องความสวยความงาม เราจึงมั่นใจในศักยภาพที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นเหนือกว่าตลาดอีกครั้งในปีนี้ ตลอดจนประสบความสำเร็จในการเติบโตยอดขายและผลกำไรได้อีกปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของวิกฤตโรคระบาดด้วยเช่นกัน”
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล