L’Oréal บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องสำอางและความงามสัญชาติฝรั่งเศส กำลังวางแผน ‘ปรับลดพนักงาน’ ครั้งใหญ่ในแผนกร้านค้าปลอดภาษี (travel retail) ในแดนมังกร ซึ่งอาจสูงถึงครึ่งหนึ่งของทีม เพื่อรับมือกับภาวะยอดขายสินค้าปลอดภาษี (duty-free) ที่ซบเซาอย่างต่อเนื่อง
แหล่งข่าวหลายแห่งเปิดเผยกับสำนักข่าว Caixin ว่า การเลิกจ้างครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อพนักงานมากถึง 50% ของทีมในจีน โดยมีรายงานว่าพนักงานบางส่วนที่ต้องออกจากบริษัทอาจได้รับข้อเสนอค่าชดเชยในรูปแบบ ‘n+5’ ซึ่งหมายถึงการจ่ายเงินเท่ากับเงินเดือนตามจำนวนปีที่ทำงานบวกเพิ่มไปอีก 5 เดือน
แผนกร้านค้าปลอดภาษีนี้มีความสำคัญในการบริหารจัดการการขายสินค้าผ่านร้านค้าปลอดภาษีทั้งในตัวเมืองและในสนามบิน รวมถึงร้านค้าปลอดภาษีบนเกาะไห่หนาน (Hainan) ที่มีชื่อเสียง
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผลประกอบการของแผนกร้านค้าปลอดภาษีได้ฉุดรั้งการเติบโตโดยรวมของ L’Oréal ในภูมิภาคเอเชียอย่างเห็นได้ชัด
โดยในปี 2024 เอเชียถือเป็น ‘ตลาดเดียว’ ของกลุ่ม L’Oréal ที่รายงานยอดขายลดลงถึง 3.2% Christophe Babule ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของบริษัท ชี้แจงว่าสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ซบเซาของแผนกร้านค้าปลอดภาษีในจีนแผ่นดินใหญ่
ขณะที่ยอดขายของส่วนงานนี้ในเอเชียตลอดทั้งปี 2024 ลดลงถึง 10% โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการที่ต่ำกว่าเป้าของร้านค้าปลอดภาษีในไห่หนานและเกาหลีใต้ ส่งผลให้สัดส่วนความสำคัญของธุรกิจนี้ต่อภาพรวมของบริษัทลดลงอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันยอดขายจากไห่หนานคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1% ของยอดขายรวมทั้งกลุ่มบริษัท
ตลาดสินค้าปลอดภาษีในไห่หนาน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเฟื่องฟูอย่างมากจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาลและข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศในช่วงการระบาดของโควิดที่ทำให้คนหันมาจับจ่ายในประเทศมากขึ้น ได้เผชิญกับภาวะ ‘ขาลง’ อย่างหนัก
ปัจจัยสำคัญได้แก่ กำลังซื้อในประเทศที่ลดลง ประกอบกับค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง ซึ่งกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวจีนหันไปซื้อสินค้าในต่างประเทศแทน ข้อมูลจากศุลกากรเมืองไหโข่วระบุว่า ยอดขายสินค้าปลอดภาษีนอกชายฝั่งของไห่หนานในปี 2024 ลดลงถึง 29.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จำนวนนักช้อปลดลง 15.9% และจำนวนสินค้าที่ซื้อลดลงถึง 35.5%
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับโครงสร้างและลดจำนวนพนักงานในส่วนแผนกร้านค้าปลอดภาษี L’Oréal ยังคงแสดงความ ‘มุ่งมั่น’ อย่างเต็มที่ต่อตลาดจีน เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา Vincent Boinay ประธาน L’Oréal ประจำภูมิภาคเอเชียเหนือและซีอีโอประจำประเทศจีน ได้ออกมายืนยันแผนการลงทุนในจีนอย่างต่อเนื่อง
โดยกล่าวว่า “การลงทุนในจีนคือการลงทุนในอนาคต” ซึ่งเน้นไปที่การพัฒนานวัตกรรม การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ห่วงโซ่อุปทาน และการส่งเสริมระบบนิเวศความงามของจีนโดยรวม
ในวันเดียวกัน L’Oréal ยังได้ประกาศเปิดตัวกองทุนเพื่อการลงทุนใหม่ถึง 2 กองทุนในจีน กองทุนแรกเป็นการร่วมมือกับบริษัท Cathay Capital และทางการเขตจิ้งอัน นครเซี่ยงไฮ้ โดยมุ่งเป้าไปที่การลงทุนในแบรนด์ความงามที่อยู่ในระยะเติบโต
ส่วนอีกกองทุนเป็นการร่วมมือกับบริษัท Tiantu Capital ซึ่งจะเน้นลงทุนในบริษัทระยะเริ่มต้นถึงระยะกลางที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานความงาม โดยให้ความสำคัญกับ ‘นวัตกรรมเทคโนโลยี’ และแนวคิดด้านความยั่งยืน
ภาพ: Robert Way / Shutterstock
อ้างอิง: