หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ Long Live Love! ลอง ลีฟ เลิฟว์
Long Live Love! ลอง ลีฟ เลิฟว์ ภาพยนตร์แนวคอเมดี้ผสมดราม่าเรื่องล่าสุดจากค่าย M Pictures ร่วมกับบริษัท แอม ว่ะฮาฮา ที่ได้ทีมนักแสดงมากฝีมืออย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต, เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง, ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม, ป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร ฯลฯ มาร่วมถ่ายทอดผลงานชิ้นนี้ให้สนุกสนานและกลมกล่อม ภายใต้การกำกับของ มุก-ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ เจ้าของผลงานการกำกับซิตคอมระดับตำนานอย่าง เนื้อคู่ประตูถัดไป, เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร และ เนื้อคู่ The Final Answer ที่ครั้งนี้ถือว่าเป็นผลงานชิ้นแรกของเธอในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์
ภาพยนตร์จะฉายภาพให้เราเห็นถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัวของ สติ (รับบทโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) และ เมตตา (รับบทโดย ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต) คู่รักที่ความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่น แต่มีสิ่งเดียวที่มั่นคงคือ ‘บทบาทความเป็นพ่อและแม่’ ของลูกสาวเพียงคนเดียวอย่าง นะโม (รับบทโดย เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง) โดยการถ่ายทอดเรื่องราวด้วยกิมมิกเหนือธรรมชาติอย่าง ‘พลังวิเศษ’ ที่พาให้สติได้ย้อนกลับไปรื้อฟื้นความทรงจำกับเหตุการณ์ในอดีตเพียงแค่กด ‘ถ่ายภาพ’
เมื่อ ‘ภาพถ่าย’ สามารถพาเราท่องเที่ยวไปกับความทรงจำ
หลังจากได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ สิ่งที่น่าสนใจแรกคือการที่ทีมผลิตนำสิ่งที่เรียบง่ายมาสร้างสรรค์ออกมาให้เห็นภาพและดูเหนือธรรมชาติ อย่างการที่สร้างตัวละครสติให้มีพลังวิเศษ และหลุดเข้าไปในภาพถ่ายได้เพียงแค่ปลายนิ้ว ลูกเล่นอันนี้ของภาพยนตร์จึงทำให้ผู้เขียนนึกถึงการที่เรานั่งดูรูปเก่าๆ แล้วทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพนั้น ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เพียงแต่ในโลกของความเป็นจริงภาพในอดีตปรากฏให้เราเห็นได้มากที่สุดก็แค่ในหัวของเรา แต่ความพิเศษอยู่ตรงที่บางทีภาพถ่ายเหล่านั้นไม่เพียงแต่เรียกความทรงจำกลับมา แต่ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ก็ถูกเปิดออกมาเช่นกัน
คงไม่ต่างอะไรกับตัวละคร สติ ที่ก่อนจะสูญเสียความทรงจำ ตัวละครถูกวางไว้ให้เป็นภาพแทนของ ‘สามีและพ่อที่ไม่เอาไหน’ แต่เมื่อเขาต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ค้นหาความทรงจำและตัวตนของตัวเอง เหตุการณ์และความรู้สึกทั้งดีและร้ายก็เปิดออกจนทำให้ตัวผู้เขียนเกิดคิดขึ้นมาว่า หรือบางทีการที่มนุษย์ถูกสร้างให้มีเครื่องมือที่เรียกว่า ‘ลืม’ อาจเป็นหนึ่งในกลไกป้องกันการเจ็บปวดกับเรื่องบางเรื่องก็ได้
สลับมาในส่วนของการแสดงที่เรียกได้ว่าแต่ละคนสาดความสามารถและพลังความเป็นนักแสดงกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในฉากดราม่าสำคัญที่เมตตาจะพาให้สติได้เห็นความสัมพันธ์ในอดีตที่แสนเจ็บปวดของทั้งคู่ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งฉากที่ทุกคนจะได้เห็นซันนี่และชมพู่โต้อารมณ์กันไม่ยั้งจนทำให้คนดูอย่างเรารู้สึกหน่วงและจุกอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังเป็นอีกฉากที่คนดูจะได้เห็นชมพู่ถ่ายทอดตัวละครเมตตาที่ ‘พัง’ และ ‘ยับเยิน’ ในแง่ของความรู้สึกได้อย่างทรงพลัง
อีกหนึ่งความน่าสนใจคือบทบาทตัวละครอื่นๆ ที่มาเติมเต็มให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลมกล่อม ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร นะโม ที่ได้ เบ็คกี้ รีเบคก้า นักแสดงหน้าใหม่ไฟแรงมาถ่ายทอดบทลูกได้อย่างเข้ากันกับทั้งซันนี่และชมพู่ จนทำให้เราเชื่อว่าเธอคือลูกสาวของสติและเมตตาจริงๆ ถึงแม้ว่านะโมจะถูกนำพาความรู้สึกให้ไปถึงจุดที่รู้สึก ‘เกลียด’ สติผู้เป็นพ่อ แต่เมื่อดูจนจบผู้เขียนสัมผัสได้ว่าเธอยังคงเป็นลูกสาวคนหนึ่งที่โหยหาความรักจากพ่อมาเสมอ ไปต่อกับตัวละคร พีท ที่ได้ป๋อมแป๋มมาทำให้เรื่องราวในครอบครัวถูกเกลี่ยด้วยความอบอุ่นและเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เป็นสีสันให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า Long Live Love! ลอง ลีฟ เลิฟว์ เป็นภาพยนตร์แนว ‘ฮา-ม่า’ ดังนั้นจะไม่กล่าวถึงฉากคอเมดี้คงไม่ได้ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับผู้เขียนได้ไม่น้อย ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งการเขียนบทในส่วนคอเมดี้ที่ไม่ได้ดูยัดเยียดให้เป็นภาพยนตร์ตลกจนเกินไป รวมถึงการถ่ายทอดของนักแสดงที่ทั้งปรากฏในตัวอย่างและนักแสดงที่ขนมาเซอร์ไพรส์ผู้ชมอีกมากมายจนทำให้หลายๆ ฉากตลกอย่างเป็นธรรมชาติ
ภาพยนตร์จะไม่สมบูรณ์ถ้าขาดเพลงประกอบดีๆ ไป ซึ่งสำหรับเรื่องนี้การนำเพลง เหมือนเคย ของ บอย-ชีวิน โกสิยพงษ์ ฟีเจอริงกับ ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา นักร้องและนักแสดงรุ่นใหญ่ ที่นอกจากเสียงร้องของพวกเขาจะอบอุ่นปนความคลาสสิกจนเข้ากันดีกับยุคสมัยที่สติและเมตตาอยู่ในช่วงความรักกำลังเบ่งบานแล้ว เนื้อหาของเพลงยังชวนให้ผู้เขียนตีความได้ว่าเพลงนี้เป็นเหมือนคำพูดแทนของสติในเวอร์ชันที่เขากลับมามองเมตตาด้วยสายตาคู่เดิมอีกครั้งนับตั้งแต่วันแรกที่เขาพบกัน
“ถ้าไม่สูญเสีย คงไม่ได้เรียนรู้”
อีกหนึ่งประเด็นที่ฉายภาพให้คนดูอย่างเราเห็นชัดคือ ‘การสูญเสีย’ ของตัวละคร ทั้งสติที่สูญเสียความทรงจำ เมตตาสูญเสียความสุขในช่วงเวลาหนึ่ง หรือนะโมเองที่สูญเสียความอบอุ่นจากคนเป็นพ่อ ซึ่งสะท้อนให้เราเห็นว่าการสูญเสียอะไรบางอย่างในชีวิตไป ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ความรู้สึก หรือแม้กระทั่งตัวตนของเราในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ‘การสูญเสีย’ นี้มักจะเปิดประตูบานใหม่ๆ ให้เราเรียนรู้เสมอ แม้ว่าต้องล้มลุกคลุกคลานกับความเจ็บปวดและความเสียใจขนาดไหนก็ตาม เช่นเดียวกับตัวละครทุกตัวที่พวกเขาก็ได้ผ่านมรสุมในความรู้สึกตัวเองมามากมายจนยอมรับความเป็นจริงและใช้ชีวิตต่อได้อีกครั้ง
แม้ว่า ‘การสูญเสีย’ จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คงพาให้คนดูได้ถอดบทเรียนและใช้ชีวิตกับสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดได้ไปพร้อมกัน
Long Live Love! ลอง ลีฟ เลิฟว์ เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่: