การกลับคืนสู่สนามฟุตบอลอีกครั้งของแฟนบอลอังกฤษในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วยนำความรู้สึกดีๆ กลับคืนมาสู่วงการลูกหนังได้อย่างมาก แต่น่าเสียดายที่บรรยากาศดีๆ จะต้องหายไปอีกครั้งเป็นการชั่วคราวสำหรับทีมในลอนดอน
โดยนับตั้งแต่ที่มีการอนุญาตให้แฟนกีฬาต่างๆ ซึ่งรวมถึงแฟนฟุตบอลสามารถกลับเข้ามาเชียร์เกมในสนามได้อีกครั้ง หลังวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา และทำให้ได้เห็นภาพที่น่าประทับใจรวมถึงเห็นความแตกต่างของการแข่งขันระหว่างที่มีแฟนบอลกับไม่มีแฟนบอลในช่วงก่อนหน้านี้ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในลอนดอนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ทำให้รัฐบาลอังกฤษจำเป็นต้องลดระดับของเมืองหลวงลงมาอยู่ในกลุ่ม Tier 3 หรือกลุ่มต่ำที่สุดที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีแฟนเข้าสนามได้
เกมที่จะได้รับผลกระทบทันทีคือศึกลอนดอนดาร์บีระหว่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปะทะคริสตัล พาเลซ รวมถึงเกมของอาร์เซนอล และฟูแลมในกลางสัปดาห์นี้ โดยทีม ‘กันเนอร์ส’ แจ้งข่าวร้ายให้แก่แฟนๆ อีกครั้งว่า “เรารู้สึกผิดหวังที่จะต้องยืนยันว่าเราจะไม่สามารถต้อนรับแฟนๆ ในเกมเอมิเรตส์ สเตเดียม ในเกมที่จะพบกับเซาแธมป์ตันได้”
สำหรับในช่วงกลางสัปดาห์นี้จะมีเพียงแค่เกมบิ๊กแมตช์ที่แอนฟิลด์ระหว่าง ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ที่จะชิงจ่าฝูงกับทีม ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ที่จะสามารถต้อนรับแฟนๆ ได้เพราะในเวลานี้มีเพียงแค่แชมป์พรีเมียร์ลีกและเอฟเวอร์ตันทีมร่วมเมือง รวมถึงเซาแธมป์ตันและไบรท์ตันที่ได้รับอนุญาตให้แฟนบอลเข้าสนามได้จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่ร้ายแรงนักอยู่ในระดับ Tier 2 ซึ่งสามารถต้อนรับแฟนๆ ได้นัดละ 2,000 คน
การปฏิเสธให้แฟนบอลเข้าสนามสร้างความไม่พอใจให้แก่คนจำนวนมาก รวมถึง แฟรงก์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ เชลซี ที่เห็นว่าแฟนบอลควรได้รับอนุญาตเข้าสู่สนามต่อให้เป็นช่วงที่รัฐบาลกำหนดมาตรการที่เข้มข้นในการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ก็ตาม
“ผมค่อนข้างผิดหวัง ถึงแม้ว่าเราจะได้แฟนกลับมาจากการอยู่ในระดับ Tier 2 แต่ทุกอย่างก็ควรจะเท่าเทียมกัน” แลมพาร์ดกล่าว “เราได้เห็นแล้วในสนามว่าการสนับสนุนจากพวกเขามันส่งผลอย่างไรต่อเกมในสนามได้บ้าง”
“ผมคงจะไม่บอกว่ารัฐบาลควรจะทำอะไร แต่ผมคิดว่าเราสามารถควบคุมแฟนบอล 2,000 คนในสนามได้ถ้าพวกเขามาจากในระดับนั้น เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปด้วยกันได้”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: