ถ้าไม่นับเพอร์ฟอร์แมนซ์สุดเดือดบนเวทีที่คุมคนดูได้อย่างอยู่หมัด แนวคิดในการทำเพลงของ Lomosonic ก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเราอยู่เสมอ รวมทั้งการได้นั่งพูดคุยกับ ป้อม-ฉัตรชัย งามสิริมงคลชัย (กีตาร์), บอย-อริย์ธัช พลตาล (ร้องนำ), ออตโต้-ชาญเดช จันทร์จำเริญ (กลอง) และปิติ เอสตราลาโด สหพงศ์ เดน โดมินิค (กีตาร์) ที่ไม่ว่าจะชวนพวกเขาคุยเรื่องอะไร ทุกคนก็จะมีคำตอบน่าสนใจและไปไกลกว่าเรื่องบทเพลงที่เราชวนคุยได้เสมอ
เช่นเดียวกับในวันที่พวกเขาปล่อยเพลง หากโลกนี้ไม่มีความรัก ที่ได้ฟีเจอริงกับ ธนชัย อุชชิน หรือป๊อด Moderndog ออกมาในวันที่พวกเขาตกตะกอนเรื่องความรักได้มากขึ้น และทำให้เราสงสัยเพิ่มมากขึ้นว่า หากโลกนี้ไม่มีดนตรี ไม่มีความรัก ไม่มีวง Lomosonic ไม่มีวง Moderndog จะเกิดแรงสั่นสะเทือนอะไรขึ้นมาบ้างกับตัวพวกเขาและโลกใบนี้
เพลง หากโลกนี้ไม่มีความรัก
หากโลกนี้ไม่มีดนตรี โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร
บอย: ขาดความบันเทิงไปแขนงหนึ่ง และทุกอย่างบนโลกนี้จะจืดลงมาก เพราะทุกอย่างล้วนมีดนตรีเป็นส่วนประกอบ อย่างมุกตลกต่างๆ ก็เล่นกับดนตรีกันเยอะ ทั้งเสียงกลอง ร้องเพลง ท่าเต้น คงหายไปหมดเลย เวลาดูหนังบางเรื่องก็เศร้าน้อยลง ตอนจบของหนังเรื่อง Braveheart (1995) ก็คงไม่กินใจขนาดนั้น
ป้อม: หรือเรื่อง Titanic (1997) นี่จบเลยนะถ้าไม่มีเพลง My Heart Will Go On จะมีแค่เสียงลมอย่างเดียว Star Wars ก็จะไม่มีเสียงคอยบิลด์ คือคอนเทนต์ทุกอย่างคงเหมือนเดิม แต่อารมณ์ต่างๆ ที่ได้รับคงจะไม่เต็มที่เท่าถ้ามีดนตรี
ออตโต้: ในเทศกาลต่างๆ ก็คงเงียบลง ลองคิดภาพงานวันเกิดที่ไม่มีเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ งานปีใหม่ที่ไม่มีเพลงปีใหม่ หรืองานคริสต์มาสที่มีแต่ต้นคริสต์มาสกับไฟแล้วไม่มีเสียงเพลง มันคงเหงามากเหมือนกันนะ
ปิติ: เราน่าจะท่องอะไรยากขึ้น อย่าง A-Z หรือ ก เอ๋ย ก ไก่ เพราะมนุษย์เราร้องเพลงอยู่ตลอดเวลา แล้วโลกนี้ก็จะไม่มีการ์ตูนอย่าง Beck (การ์ตูนเกี่ยวกับวงดนตรี) ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกันนะ เพราะเป็นเรื่องที่ผมชอบมากและสร้างแรงบันดาลใจได้เยอะเลย
บอย: ผมคิดไปถึงเนื้อวัวด้วย เพราะฟาร์มวัวก็จะไม่มีดนตรีเปิดให้ฟัง แล้วเนื้อวัวดีๆ อาจจะอร่อยน้อยลงไปเลยก็ได้นะ
หากโลกนี้ไม่มีดนตรี วง Lomosonic จะเป็นอย่างไร
บอย: ถ้าสั้นๆ ก็คือจะไม่มีวงนี้แน่นอน เคยมีคนถามผมว่าถ้าไม่เป็นนักดนตรีแล้วผมจะทำอะไร ผมเคยคิดคำตอบอยู่นานมาก สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าผมก็จะเป็นนักดนตรีต่อไป แต่ถ้าพูดไปถึงขั้นว่าถ้าโลกใบนี้ไม่มีดนตรีเลย ตอนนี้อาจจะเป็นชาวนาหรือเป็นนายพรานอยู่ในป่าก็ได้
ปิติ: ผมอาจจะเป็นนักวาดการ์ตูน เพราะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากเหมือนกันถ้าไม่นับเรื่องดนตรี หรือไม่ก็อาจจะฝึกเป็นนักแสดงละครใบ้อยู่ก็ได้ แต่คงเป็นงานเกี่ยวกับศิลปะอะไรสักอย่าง
ป้อม: ถ้าไม่ทำงานอะไรเกี่ยวกับเรื่องภาพอยู่ ผมอาจจะเปิดฟาร์มแมว นั่งดูแมวเพลินๆ น่าจะสนุกดี
ออตโต้: ผมคงเป็นหมอนวด เพราะที่บ้านทำร้านนวด ก็คงมาช่วยแม่ทำ แต่ถ้าคิดว่าไม่มีดนตรีเปิดในร้านนวดก็น่าคิดเหมือนกันนะ ไม่มีเพลงเปิดคลอเบาๆ สบายๆ มีแต่เสียงกระดูกลั่นกร๊อบๆ คงจะน่ากลัวน่าดู (หัวเราะ)
ถ้าโลกนี้ไม่มีวง Lomosonic โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร
ป้อม: ทุกอย่างดำเนินต่อไปเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คือนอกจากขาดพวกเราไป โลกนี้ก็ไม่ขาดอะไรอีกแล้ว (หัวเราะ) ผมคิดว่าวงดนตรีเป็นสินค้าที่มีอะไรมาทดแทนได้ตลอดเวลา เหมือนอาหารที่ถ้าเราไม่มีกะเพราให้กิน คนเราสามารถหาอย่างอื่นมาทดแทนได้อยู่แล้ว
แต่อาจจะมีอยู่บ้างคือคนบางคนอาจจะหายไป เพราะมีแฟนเพลงบางคนที่บอกพวกเราว่า “ผมอยู่ต่อได้เพราะวง Lomosonic นะ บางคนบอกว่าผมขาหัก แต่กลับมาเล่นกีฬาอีกครั้ง หรือเอ็นท์ติดได้เพราะวง Lomosonic
ออตโต้: หรือบางคนก็อาจจะไม่ได้เป็นแฟนกัน เพราะเขารู้จักกันผ่านเพลงและคอนเสิร์ตของพวกเรา คือมันเป็นเหตุการณ์ยิบย่อยที่ไม่สามารถพูดได้ว่าเรามีอิมแพ็กกับโลกนี้จริงๆ เพราะถ้าไม่เกิดกับเพลงหรือคอนเสิร์ตของพวกเรา มันอาจจะไปเกิดกับวงอื่นก็ได้
หากโลกนี้ไม่มีความรัก โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร
บอย: เรื่องนี้ตอบยากนะ มันต้องย้อนไปเลยว่าเวลาที่สัตว์สืบพันธุ์กันนั่นเรียกว่าความรักหรือเปล่า หรือเป็นแค่สัญชาตญาณในการดำรงเผ่าพันธุ์เท่านั้น เพราะมนุษย์เรามีวิวัฒนาการมาจากตรงนั้น
ป้อม: แล้วก็ต้องถามต่ออีกว่าเราจะนับความรักในแบบของแม่กับลูกหรือเปล่า เพราะถ้าไม่นับความรักตรงนั้น ต่อให้สืบพันธุ์แล้วมีลูกเกิดออกมาก็อาจจะไม่มีใครเติบโตขึ้นมาก็ได้ เพราะลูกมนุษย์ไม่เหมือนสัตว์อื่นที่พอคลอดออกมาแล้วเดินสี่ขาวิ่งได้ทันที เราต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปีกว่าจะทำอะไรได้ด้วยตัวเอง
ปิติ: หรืออาจจะมีแต่คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ผมคิดว่าถ้าตัดความรักออกไป เราอาจจะยังใช้ชีวิตต่อไปได้อยู่ แต่วิธีการคิดมันจะใช้ตรรกะอีกแบบไปเลย อาจจะคิดตามหลักเศรษฐศาสตร์ เราอาจจะสืบพันธุ์เพื่อประโยชน์บางอย่าง เช่น ต้องการมีลูกเพื่อลดหย่อนภาษี หรือต้องการมีใครมาคอยดูแลในยามแก่เฒ่า แล้วโลกมันก็คงเปลี่ยนแปลงไปจากนี้แบบที่คิดไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นแบบนั้นแล้วชีวิตจะเป็นยังไงต่อไป
บอย: หรือคิดอีกแง่ ถ้าไม่มีความรักเราอาจจะไม่มีเจ็บปวดก็ได้ เพราะความเจ็บปวดหลายครั้งเกิดขึ้นเพราะความรัก แต่ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ผมคิดว่าโลกนี้ก็ควรต้องมีความรักอยู่ดี เพราะความรักเป็นสิ่งที่ดีเสมอ เป็นเราเองต่างหากที่ชอบโทษว่าความรักคือสิ่งไม่ดี คือสิ่งที่ทำลายชีวิตของเรา
หากโลกนี้ไม่มีไม่มีวง Moderndog โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร
บอย: วงการดนตรีคงขาดสีสันไปเยอะ วงการอินดี้ไทยจะเบาลงกว่านี้พอสมควร
ออตโต้: เดี๋ยวคงมีวงอื่นที่เริ่มแหละ ที่ไม่ใช่ Moderndog แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีหรือกี่วัน จะมาทันเวลาหรือเปล่า ซึ่งถ้าลองมาคิดดูก็นึกไม่ออกเหมือนกันนะว่าถ้าไม่ใช่พวกพี่ๆ เขาแล้วจะเป็นใคร
ป้อม: วงการตลกอาจจะขาดมุกหากินไปอีกหนึ่งมุก เพราะผมรู้จักวงนี้จากการดูวิดีโอตลกคาเฟ่นะ คือเขาดังถึงขนาดมีคนเอาไปเลียนแบบ พอเห็นแล้วผมค่อยได้ไปเห็นพี่ป๊อดเวอร์ชันต้นฉบับและฟังเพลงอื่นๆ ของเขาว่าเป็นยังไง
หากโลกนี้ไม่มีวง Moderndog วง Lomosonic จะเป็นอย่างไร
บอย: ผมได้สไตล์ความขบถ ความคิดหลายๆ อย่างจากพี่ป๊อด คือเขาไม่ใช่คนเริ่มก็จริง แต่สิ่งที่ผมเห็นจากเขามันมีเอฟเฟกต์กับวิธีคิดและวิธีการทำเพลงของผมในตอนนี้มากเลย รวมทั้งความคิดที่ว่าการเล่นคอนเสิร์ตมันไม่ต้องมีรูปแบบ การวิ่งลงจากเวที บอดี้เซิร์ฟ มันคือสิ่งที่เราเห็นมาจากยุคนั้น แล้วพวกพี่เขาเป็นเหมือนตำราเล่มหนึ่งที่พวกเราใช้ในการศึกษาได้เสมอ และยังเป็นพี่ที่คอยให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
ป้อม: บางส่วนเสี้ยวของ Lomosonic จะหายไปแน่นอน เพราะทุกคนและทุกวงล้วนประกอบขึ้นมาจากอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่ง Moderndog ก็เป็นส่วนผสมสำคัญที่ฝังและประกอบสร้างขึ้นมาเป็นพวกเราในตอนนี้
ปิติ: ของผมอาจจะมั่นใจในตัวเองน้อยลง เพราะการได้เห็น Moderndog ทำเพลง ได้เห็นการเล่นกีตาร์ของเมธี มันช่วยยืนยันว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ไม่ได้ผิด ยังมีคนที่มองเห็นในแนวทางคล้ายๆ กัน และเริ่มมั่นใจขึ้นมาว่าเราน่าจะยังพอเล่นดนตรีแบบนี้ต่อไปได้อยู่
ออตโต้: ผมชอบคอนเสิร์ต The Very Common of Moderndog ในปี 2545 ผมไม่ได้ไปดูนะครับ แต่ได้ดูจากดีวีดีบันทึกการแสดงสด แล้วเห็นแค่นั้นก็รู้สึกว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ฉีกแนวมาก ทั้งเพราะ ทั้งสนุก ทั้งแปลก แล้วคิดว่าเป็นคอนเสิร์ตที่เจ๋งที่สุดในบรรดาหลายๆ คอนเสิร์ตที่เราเคยดูมาเลย
หากโลกนี้ไม่มีคนฟัง วง Lomosonic จะเป็นอย่างไร
บอย: อันนี้ต้องแยกตอบเป็นสองอย่าง คือถ้าไม่มีคนฟังดนตรีเลย ไม่มีคนต้องการฟังดนตรีอยู่บนโลกใบนี้ อันนี้พูดได้ว่าคงไม่มีวง Lomosonic อีกต่อไป แต่ถ้าพูดว่าไม่มีคนฟังเพลงของ Lomosonic อันนี้พอยืนยันได้ว่าพวกเราก็คงจะดื้อที่จะทำเพลงและเล่นดนตรีต่อไป
พวกเราเคยผ่านการคุยกันมาว่า ถ้าทำไปแล้ว 5 ปีมันยังไม่เห็นผลอะไรที่ชัดเจน พวกเราแยกย้ายกันไปทำอะไรของตัวเองกันดีกว่า แต่พอเวลาผ่านไป มันยังไม่ถึงขั้นที่เราคิด แต่พวกเราก็ยังไม่หยุดเล่นดนตรีกันอยู่ดีนะ หรือเคยเห็นภาพในงานเทศกาลดนตรีที่พอขึ้นเวทีแล้วคนต่อแถวเดินออกกันหมดพวกเราก็เจอมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้แยกย้ายกันตามที่พูดได้ มันเหมือนมีลมบางอย่างคอยพยุงพวกเราไว้ตลอดเวลา
ปิติ: ผมว่ามันเหมือนการเล่นเกมนะ ตราบใดก็ตามที่เรายังรู้สึกสนุก เราก็จะยังเล่นต่อไปแหละ ถึงแม้เราจะไม่ได้เก่ง ไม่ได้เลเวลเยอะ ไม่ประสบความสำเร็จ แต่มันก็ยังสนุกที่ได้ท้าทายตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้นั่งเล่นเกมในร้านอินเทอร์เน็ตแล้วชั่วโมงหมด ถ้าเราสนุกก็เล่นต่อ บางทีแม่มาตามกลับบ้านเรายังไม่ยอมเลย การเล่นดนตรีก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
หากเลือกได้หนึ่งอย่าง วง Lomosonic ไม่อยากให้มีอะไรอยู่บนโลกใบนี้
บอย: ยุงครับ ผมคิดว่าเรื่องอื่นๆ ในชีวิตผมสามารถจัดการปัญหาได้ดีพอสมควรเลย จะมีก็แค่เรื่องยุงนี่แหละที่ไม่สามารถจัดการได้ แล้วก็นึกไม่ออกว่ามันมีประโยชน์อะไรกับระบบนิเวศมากขนาดนั้นหรือเปล่า กับอีกอย่างคือเหงื่อ ถ้าไม่มีเหงื่อจะสบายมาก ผมจะวิ่งไปทุกที่ วิ่งไปทำงาน วิ่งมาสัมภาษณ์ ชีวิตผมจะทำอะไรได้หลายอย่างมากขึ้นเยอะเลย
ป้อม: ไม่อยากให้มีผู้หญิงใจร้ายอยู่บนโลกนี้ครับ ผมกลัว ผมจะทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ เพราะไม่กล้าเข้าไปใกล้ (หัวเราะ)
ปิติ: ผมไม่อยากให้มีระบบเงินตรา มันเป็นหนึ่งในระบบที่สร้างปัญหาให้โลกนี้เหมือนกันนะ แต่คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้ากลับใช้ระบบแลกเปลี่ยนแบบโบราณแล้วมันจะวุ่นวายมากกว่านี้หรือเปล่า
ออตโต้: อันนี้ผมคิดเหมือนกันเลยนะ เราจะไม่ต้องทำงานแลกเงิน แล้วเราจะเล่นดนตรีเพื่อแลกความสุขระหว่างเรากับคนดูกลับมาแทน
หากเลือกได้หนึ่งอย่าง วง Lomosonic ไม่อยากให้อะไรหายไปจากโลกใบนี้
ป้อม: ผมไม่อยากให้อดีตหายไป ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่ดีหรือไม่ดีนะครับ ผมว่ามันน่าเสียดายถ้าวันหนึ่งเราไม่มีอดีตหรือความทรงจำบางอย่างไว้ให้คิดถึง เพราะทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่จำเป็น เป็นส่วนผสมที่ทำให้เราทุกคนเติบโตมาเป็นอย่างทุกวันนี้
บอย: คงเป็นวง Lomosonic นี่ล่ะครับ เพราะทุกวันนี้มันคือชีวิตเรา 100% เป็นตัวกำหนดทุกอย่างว่าตื่นมาตอนเช้าต้องทำอะไร ตอนบ่ายต้องทำอะไร หรือแม้กระทั่งช่วงที่ไม่ได้ทำเพลง แต่สิ่งที่ต่างๆ ที่เราทำ เราก็ทำเพื่อเตรียมตัวสำหรับวงนี้อยู่ดี แล้วถ้าวงนี้หายไป การใช้ชีวิต หรือความสนุกทุกอย่าง เราคงไม่สามารถสุดเหวี่ยงกันได้แบบนี้