ช่วงนี้วงการหมัดมวยในบ้านเราดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ไม่นานมานี้เราได้เห็นตำนานมีชีวิต (และยังโคตรฟิต!) อย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ ต่อยโชว์กับ ‘คิงจูเนียร์’ โคตะ มิอุระ นักชกหนุ่มน้อยชาวญี่ปุ่นขวัญใจสาวๆ บนเวทีมวยราชดำเนิน ในรายการ RWS กันมาแล้ว
แต่อีกฟากของโลกที่สหรัฐอเมริกากำลังจะมีนักชกไทยอีกคนที่กำลังจะขึ้นเวทีในรายการระดับโลกอย่าง UFC ซึ่งถือเป็นที่สุดของวงการศิลปะการต่อสู้แบบเล่นจริงเจ็บจริง และที่สำคัญเธอเป็นนักชกหญิงไทยคนแรกที่ได้ขึ้นไปโชว์ความแข็งแกร่งบนมวยกรงแปดเหลี่ยมด้วย
นักชกคนนี้คือ โลมา ลูกบุญมี หรือ หล้า-สุภิสรา คนหลัก สาววัย 26 เจ้าของสถิติชก 9 ไฟต์ ชนะ 6 แพ้ 3 ซึ่งหายหน้าหายตาไปจากการขึ้นเวทีนานถึงเกือบ 10 เดือนด้วยกัน
ว่าแต่ 10 เดือนที่ผ่านมาเธอหายไปไหน? แล้วเธอพร้อมแค่ไหนสำหรับไฟต์นี้ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ต้องถูกเปลี่ยนแปลงคู่ชกกลางคัน
THE STANDARD มีโอกาสพูดคุยสั้นๆ กับ โลมา ลูกบุญมี ก่อนขึ้นชกรายการ UFC Fight Night: Sandhagen vs. Song ที่สังเวียน UFC Apex ลาสเวกัส วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายนนี้
การถูกเปลี่ยนแปลงคู่ชกกลางทาง
เรื่องที่ต้องบอกก่อนคือ ตอนแรกหล้ามีคิวจะขึ้นชกกับคู่ชกชาวโรมาเนีย แต่มีการเปลี่ยนกลางทาง (อีกแล้ว) มาเป็น เดนิส โกเมส นักชกชาวบราซิลวัย 22 ปี
คำถามที่เราอยากรู้ด้วยความเป็นห่วงคือ การเปลี่ยนคู่ชกแบบนี้มีผลต่อการเตรียมตัวของเธอไหม
เรื่องนี้ โลมา ลูกบุญมี บอกว่า
“เพิ่งรู้ว่าเปลี่ยนคู่ชกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก่อนเดินทางมา (สหรัฐอเมริกา) นี่เองค่ะ เป็นครั้งที่ 3 ที่มีการเปลี่ยนคู่ชก แต่ทางโค้ช (โค้ชจอร์จ) ได้ศึกษาวิดีโอของคู่ชก มีการปรับแท็กติกกัน แต่ไม่ได้ปรับอะไรเยอะ”
ความเจนเวทีมีผลไหม
ตามประวัติแล้ว เดนิส โกเมส คู่ชกคนใหม่ ยังไม่เคยขึ้นเวที UFC มาก่อน (แต่ผลงานใน MMA ยอดเยี่ยมทีเดียว ชนะ 6 แพ้แค่ 1)
แบบนี้ถือว่าได้เปรียบหรือเปล่า? เพราะหล้าจะขึ้นเวทีกรงแปดเหลี่ยม (Octagon) เป็นครั้งที่ 6 แล้ว
“มันก็น่าจะเหมือนๆ กัน เพราะเขาเองก็เคยชกในรายการของดานา (ไวท์ ผู้จัด UFC) มาก่อน
ความพร้อมของ โลมา ลูกบุญมี
อย่างที่บอกว่า โลมา ลูกบุญมี หายหน้าไปจากสังเวียนนานเกือบ 10 เดือน แบบนี้ความพร้อมของเธอมีแค่ไหน?
ปรากฏว่าหล้าตอบอย่างชัดเจน “ตอนนี้ต้องบอกว่าหนูพร้อมเต็มร้อยเลยค่ะ”
เมื่อดูจากแววตาและสีหน้าแล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
10 เดือนที่หายไป โลมา ลูกบุญมี ไปไหน
ถึงเธอจะบอกว่าพร้อม แต่เราก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่า 10 เดือนที่ผ่านมา โลมา ลูกบุญมี หายไปไหน หลังไฟต์สุดท้ายกับ ลูปิตา โกเมซ (แพ้คะแนนเอกฉันท์) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
คำตอบของหล้าน่าตกใจทีเดียว
“หมดไฟค่ะ”
“หลังแพ้ไฟต์นี้หนูหมดไฟ ไม่อยากไปต่อแล้ว ก็เลยอยู่บ้าน ไม่ทำอะไรเลย เลี้ยงสุนัข ดูหนัง ไม่เอาอะไรแล้ว”
แล้วคุณพ่อ (ที่เธอยกให้เป็นฮีโร่ของชีวิต) ไม่ว่าอะไรเหรอ?
“พ่อเรียกไปซ้อมหนูก็ไม่ไป” เธอบอก และยังบอกอีกด้วยว่า เธอหยุดทุกอย่างนานร่วม 5 เดือนเลยทีเดียว
โลมา ลูกบุญมี พ่ายต่อ ลูปิตา โกเมซ ในไฟต์ล่าสุด
เกิดอะไรขึ้นในไฟต์ล่าสุด
ฟังคำตอบจากปากของเธอแล้ว ทำให้อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของ โลมา ลูกบุญมี ระหว่างขึ้นสู้กับ ลูปิตา โกเมซ (ซึ่งความจริงเป็นคู่ชกที่ถูกเปลี่ยนมา เพราะจริงๆ แล้วหล้ามีโปรแกรมจะเป็นคู่ชกในรายการหลัก หรือ Main Cards กับ ชาแยนน์ บายส์ แต่สาวนักชกอเมริกันเกิดติดโควิดเสียก่อน)
“รู้สึกว่าวันนั้นไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีสมาธิเลย ไม่ได้โฟกัสที่คู่ต่อสู้ หันไปมองรอบๆ เวทีก็รู้สึกว่าคนดูก็ไม่เคยเป็นแบบนี้กับเรามาก่อน พอเป็นแบบนั้นก็เหมือนปล่อยเลย จะโดนเทกดาวน์ก็ปล่อยตัวเลย”
สาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้?
“คิดว่าน่าจะกดดันตัวเองมากเกินไป คาดหวังมากเกินไป”
อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ โลมา ลูกบุญมี ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
ความท้อแท้ของนักสู้ที่เข้มแข็งแบบนี้ แม้จะไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ แต่มันก็เป็นคำถามที่อาจจะเป็นบทเรียนชีวิตให้แก่คนอื่นได้เหมือนกันว่า แล้วอะไรที่ทำให้เธอตัดสินใจกลับมาสวมนวมลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
“หนูรู้สึกว่าหนูจะพอแค่นี้ไม่ได้ จะยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้” ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ ในการเป็นนักชกไทยคนแรกที่ได้ขึ้นเวที UFC โลมา ลูกบุญมี ต้องเสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา
สิ่งที่เธออาจไม่ได้พูดคือเรื่องของครอบครัว แต่เชื่อได้ว่าความรักจากที่บ้านมีส่วนช่วยอย่างแน่นอน เพราะพ่อกับแม่คือ ‘เสาหลักชีวิต’ ที่ค้ำยันหัวใจของนักสู้สาวคนนี้มาโดยตลอด
การทวงคืนเวลาที่หายไป
สิ่งที่ยากสำหรับนักชกที่เรื้อเวทีคือการทำร่างกายกลับมา ซึ่งเธอยอมรับว่าหนัก
“กลับมายากมากค่ะ เราต้องเริ่มใหม่หมดทุกอย่าง ซ้อมหนัก ทำร่างกายใหม่หมด แม้กระทั่งบางท่าที่เราเคยเล่นบ่อยๆ ก็ลืมไปบ้าง ต้องฟื้นทุกอย่างใหม่หมด”
เพียงแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ย้ำอีกว่า “พร้อมเกินร้อยแน่นอน”
เส้นชัยบนเส้นทางนี้
ตามประสานักสู้ UFC จะมีคนที่ต้องการไต่แรงกิ้งขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่องนี้เราก็อยากรู้เหมือนกันว่า โลมา ลูกบุญมี คิดจะทำบ้างไหม แล้วอะไรคือเส้นชัยของเธอในเส้นทางนี้?
“ก็อยากจะไต่แรงก์เหมือนกัน แต่ตอนนี้ขอแค่ทำไฟต์ต่อไฟต์ให้ดีที่สุดก่อน อยากไปเรื่อยๆ แบบนี้ เก็บประสบการณ์ไปก่อน”
ส่วนเป้าหมายและเส้นชัยของเธอ หล้าไม่เขินที่จะบอก
“ทุกคนก็อยากเป็นแชมป์ทั้งนั้นค่ะ” เธอตอบก่อนจะบอกว่า “แต่ตอนนี้เอาเป็นว่าขอติดท็อป 15 ให้ได้ก่อน”
การเติบโตของ โลมา ลูกบุญมี
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ โลมา ลูกบุญมี เคยมาพูดคุยกับ THE STANDARD แล้วครั้งหนึ่ง (เปิดใจ โลมา ลูกบุญมี นักชกไทยคนแรกในศึก UFC กับเป้าหมายการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่านักชกไทยก็มีดี) ซึ่งเวลาก็ผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว
โลมา ลูกบุญมี ในวันนั้นกับในวันนี้ต่างกันแค่ไหน
“ตอนนี้โตขึ้นมากแล้ว มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่ก็คิดว่าตัวเองพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และคิดว่าตัวเองมาไกลแล้ว”
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสิ่งที่เธออยากทำให้ดีขึ้นอีก
“เรื่องของสกิลมวยปล้ำกับ BJJ (บราซิลเลียนยิวยิตสู ศิลปะการต่อสู้เน้นการจับล็อกกับพื้น) ค่ะ ถ้าเป็นเรื่องการยืนสู้ทำได้ดีอยู่แล้ว เพราะเป็นมวยไทยอยู่แล้ว”
ชนะเท่านั้น
มาถึงคำถามที่อยากรู้คำตอบที่สุด เพราะไม่มีใครจะตอบเรื่องนี้ให้แฟนๆ ชื่นใจได้มากเท่ากับที่ โลมา ลูกบุญมี จะตอบเอง
คิดว่าจะชนะไหมในไฟต์กับ เดนิซ โกเมส?
“ไฟต์นี้มั่นใจในตัวเองมาก พร้อมมาก น่าจะชนะได้” เธอให้คำตอบอย่างมั่นใจ และยืนยันว่ามี ‘ทีเด็ด’ แน่นอน
เพียงแต่ถึงจะมั่นใจแค่ไหน สาวไทยที่ต้องขึ้นสังเวียนไกลบ้านคนนี้ก็ยังต้องการกำลังใจอยู่ดี
“อยากให้แฟนๆ UFC ช่วยเชียร์ ช่วยเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ”
ผู้เขียนรับปากว่าจะฝากบอกต่อให้แฟนๆ THE STANDARD ช่วยส่งกำลังใจให้ โลมา ลูกบุญมี คนนี้แน่นอน พร้อมกับอวยพรขอให้โชคดีมีชัยในการต่อสู้ครั้งนี้
แม้ในใจจะคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ได้ชัยชนะไปแล้วอย่างไม่เป็นทางการ
เพราะเธอชนะใจตัวเองจนกลับมาขึ้นเวทีได้อีกครั้ง ซึ่งไม่ง่ายเลย
หมายเหตุ: ศึก UFC Fight Night: Sandhagen vs. Song จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายนนี้ เวลาประมาณ 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย สามารถติดตามชมได้ทางทรูวิชันส์