เมื่อช่วงสายของวันนี้ (20 ก.ค.) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังจังหวัดขอนแก่น เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของรัฐบาลในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน
โดยภาพรวมพบว่า 12 จังหวัดในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มีประชาชนร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากการเป็นหนี้นอกระบบจำนวนมาก โดยถูกเจ้าหนี้ ผู้ปล่อยกู้ จัดทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม ในลักษณะนิติกรรมอำพรางหลายรูปแบบ เช่น สัญญากู้เงินที่ลงนามร่วมกันโดยไม่ลงจำนวนเงิน, การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา, การบังคับจำนองหรือขายฝาก, การลงนามในเอกสารเท็จ โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น โฉนดที่ดิน ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว ลูกหนี้มักเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถูกข่มขู่คุกคามใช้ความรุนแรงตามมา มีผลต่อสุขภาพจิตและบั่นทอนคุณภาพชีวิตครอบครัวอย่างมาก
ฝ่ายความมั่นคง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ใช้ความพยายามขยายผล สืบสวนลูกหนี้ โดยสามารถเอาผิดกับผู้ปล่อยกู้ในข้อหา ‘ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์และใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม” ซึ่งมีผลบังคับทั้งกฎหมายฟอกเงิน สู่การยึดทรัพย์และมาตรการทางภาษีตามมา โดยที่ผ่านมาการปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและอุดรธานี สามารถช่วยเหลือและมอบโฉนดที่ดินคืนให้กับผู้เสียหายได้แล้วกว่า 150 ราย มูลค่าเกือบ 140 ล้านบาท
ขณะที่ พล.อ. ประวิตร ได้ร่วมมอบโฉนดที่ดินคืนแก่ชาวบ้านและเกษตรกรกว่า 150 ราย หลังจากนั้นได้กล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานของ บช.ภ.4 ที่ริเริ่มจัดตั้ง ‘ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ การกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม’ และร่วมกันใช้ความพยายาม ขยายผลสืบสวนข้อเท็จจริง จนสามารถเอาผิดกับผู้ปล่อยกู้นอกระบบและคืนที่ดินทำกินจำนวนมากกลับสู่เจ้าของในที่สุด พร้อมกับย้ำว่าการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญและถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม ช่วยเหลือและให้โอกาสกัน เพื่อให้ทุกคนกลับมายืนและร่วมเดินหน้าเข้มแข็งไปด้วยกัน
โดยขอให้ฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ ร่วมทำงานเป็นหนึ่งเดียว ให้ความเป็นธรรมในการไกล่เกลี่ย ประนอมหนี้ รวมทั้งให้คำแนะนำและช่วยเหลือทางกฎหมาย เพื่อความชัดเจนของมูลหนี้และการชำระ สำหรับกรณีที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดกฎหมาย ให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลเอาผิดทางกฎหมายอย่างจริงจัง พร้อมทั้งได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณานำแนวทาง ‘ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ การกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม’ ไปปรับใช้กับทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ โดยให้เร่งรัดขับเคลื่อนคลี่คลายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในภาพรวมไปพร้อมๆ กัน และที่สำคัญต้องช่วยเหลือนำคืนที่ดินทำกินของเกษตรกรหรือชาวบ้าน ที่ตกไปอยู่กับนายทุนปล่อยกู้เถื่อนที่เอารัดเอาเปรียบให้ได้
ขณะที่ช่วงหนึ่งชาวบ้านที่มาเข้าร่วมกิจกรรมได้กล่าวขอบคุณ พล.อ. ประวิตร ที่ช่วยขับเคลื่อนให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นได้ในวันนี้ เหมือนกับความทุกข์ที่มืดมนในใจแล้วมีแสงสว่างปลายอุโมงค์มาช่วย ท่านเป็นเหมือนอัศวิน และขอท่านอย่าลืมชาวอีสาน เพราะว่ายังมีผู้คนที่รอคอยความช่วยเหลือจากท่านอยู่ ทุกคนในประเทศไทยก็รอคอยการช่วยเหลือจากท่านอยู่