ศึกคาราบาวคัพ 2021/22 รอบชิงปีนี้เป็นการพบกันระหว่างเชลซีกับลิเวอร์พูล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ ที่กุนซือสัญชาติเดียวกันที่ไม่ได้มาจากสหราชอาณาจักร ทั้ง โธมัส ทูเคิล และ เจอร์เกน คล็อปป์ โคจรมาพบกันในรอบชิงชนะเลิศ
ก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น สมาชิกของทั้ง 2 ทีมได้ร่วมกันปรบมือส่งกำลังใจ พร้อมกับสนามได้ขึ้นป้ายข้อความ ‘Football Stands Together’ บนสีเหลืองน้ำเงิน สีของธงชาติยูเครน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับยูเครนที่อยู่ภายใต้สภาวะสงคราม หลังจากกองทัพรัสซียได้บุกเข้ามายังประเทศยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี (24 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา
เกมเป็นไปอย่างดุเดือดโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังที่ทั้ง 2 ทีมผลัดกันสร้างโอกาสทำประตู แต่ก็เป็นทั้ง เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูเชลซี และ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลที่ออกแรงเซฟหลายจังหวะ
จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมอยู่ในจังหวะที่ เซซาร์ อัซปิลิกวยตา ปราการหลังกัปตันทีมของเชลซี ได้รับบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยน รีซ เจมส์ ลงมาแทน ซึ่งเกมรุกของลิเวอร์พูลก็เปิดเกมรุกเข้าใส่ฝั่งของ รีซ เจมส์ อย่างต่อเนื่อง จนเกือบทำประตูได้หลายครั้ง แต่ในช่วง 90 นาทียังไม่สามารถทำอะไรกันได้ เสมอกันที่ 0-0 ต้องไปตัดสินในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งในช่วงเวลาที่เหลือก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น ส่งผลให้ต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ
แต่สุดท้ายผลปรากฏว่าเป็นลิเวอร์พูลที่เอาชนะการดวลจุดโทษไปได้ 11-10 และคว้าแชมป์ลีกคัพมาครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 9 และนับเป็นครั้งแรกที่แชมป์ลีกคัพเปลี่ยนมือนับตั้งแต่ปี 2017 หลังจากที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ติดต่อกันมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา