×

ลิเวอร์พูลเสียหาย หรือแมนฯ ซิตี้ควรเสียดาย? บทสรุปในเกมคลาสสิกของคู่ปรับแห่งยุค

04.10.2021
  • LOADING...
Liverpool and Manchester City

ถึงแม้ว่ากระแสความร้อนแรงในช่วงก่อนเกมระหว่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะไม่ได้มีอะไรมากมายนัก เพราะยังเป็นแค่ช่วงต้นฤดูกาลและดูเหมือนว่าในฤดูกาลนี้น้ำหนักของความคาดหวังในการพบกันของสองทีมนี้จะลดลงไปตามจำนวนคู่แข่งที่มีความหวังการลุ้นแชมป์ที่เพิ่มมากขึ้น

 

แต่เมื่อเสียงนกหวีดแรกจาก พอล เทียร์นีย์ ดังขึ้นในเกมที่แอนฟิลด์ สิ่งที่เราได้เห็น – ไม่ว่าจะเป็นแฟนลิเวอร์พูลหรือซิตี้หรือไม่ก็ตาม – คือเกมระดับคุณภาพสูงสุดที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เร้าใจ และมีอารมณ์ดราม่าที่นำหัวใจไต่ระดับความตื่นเต้นไปจนถึงขีดสุด

 

จากโอกาสหลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับอลิสซันของฟิล โฟเดน ในครึ่งแรกสู่ 4 ประตูที่ยอดเยี่ยมในเกมนี้ ก่อนจะปิดท้ายด้วยจังหวะที่โรดรี้วิ่งเข้ามาบล็อกฟาบินโญที่ตั้งป้อมเตรียมจะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้อย่างเหลือเชื่อ

 

นี่คือเกมคลาสสิกนัดหนึ่งของคู่ปรับแห่ง พ.ศ. นี้ที่จะเป็นที่จดจำอีกยาวนาน ซึ่งพอจะหาบทสรุปของ 90 + 4 นาทีที่แอนฟิลด์ได้ดังนี้

 

Liverpool and Manchester City

ฟิล โฟเดน เป็นหนึ่งในนักเตะที่เด่นที่สุดในเกมนี้

 

แมนฯ​ ซิตี้ยังเป็นทีมเต็งที่มีคุณภาพสูงสุด

 

ในฤดูกาลนี้แมนฯ ซิตี้ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อาจจะเริ่มต้นได้ไม่ร้อนแรงมากนักในลีก โดย 6 นัดแรกพวกเขาพลาด 2 นัดด้วยการแพ้ต่อท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ตั้งแต่เกมแรกของฤดูกาล และพลาดเสมอต่อเซาแธมป์ตันแบบเหลือเชื่อ

 

ไม่นับการพ่ายต่อปารีส แซงต์ แชร์กแมงในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้วด้วย

 

แต่สิ่งที่เราได้เห็นในแอนฟิลด์นั้นชัดเจนว่าต่อให้เป็นลิเวอร์พูลที่อยู่ในช่วงฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยม พวกเขาก็ไม่สามารถต่อกรกับชั้นเชิงและคุณภาพของแมนฯ ซิตี้ได้

 

ถึงจะถูกเพรสซิงจนลนลานในช่วง 10 นาทีแรกของเกม แต่หลังจากนั้นซิตี้แสดงให้เห็นอีกครั้งเหมือนในวันที่พวกเขาบุกไปสยบเชลซีได้อย่างราบคาบว่า หากจะวัดกันในเรื่องของทีมเวิร์ก คุณภาพผู้เล่นแล้ว ไม่มีทีมใดในอังกฤษที่จะเหนือกว่า

 

โดยเฉพาะในวันที่นักเตะชุดสีฟ้ามีความมุ่งมั่นและกระหายจะทำผลงานให้ดีเป็นพิเศษ

 

เกมนี้นักเตะแมนฯ ซิตี้เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมเกือบทุกคน โดยเฉพาะ ฟิล​ โฟเดน เจ้าของ 1 ประตูที่ถูกโยกไปยืนปีกซ้ายและสร้างปัญหาให้แก่ เจมส์ มิลเนอร์ กับแผงหลังของลิเวอร์พูลได้ตลอดเวลา รวมถึง เควิน เดอ บรอยน์ ผู้ทำประตูตีเสมอลูกสำคัญ และ แบร์นาร์โด ซิลวา ที่เป็นพลังขับเคลื่อนในแดนกลางของทีม

 

เช่นเดียวกับเกมรับที่เล่นกันได้อย่างแข็งแกร่ง และ 2 ประตูที่เสียไปนั้นต้องยอมให้กับความสุดยอดของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในฟอร์มที่ว่ากันว่าตอนนี้เขาน่าจะเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้

 

สิ่งที่ดูเป็นจุดอ่อนสำหรับซิตี้คือเรื่องของความเฉียบคมในเกมรุกที่สร้างโอกาสได้มาก แต่โอกาสที่ชัดเจนมีไม่มากเท่าในอดีต และในโอกาสเหล่านั้นความเฉียบคมในการจบสกอร์ก็เป็นปัญหาเช่นกัน

 

เพราะหากซิตี้คมเหมือนวันวานแล้ว บางทีลิเวอร์พูลอาจจะแพ้นัดแรกของฤดูกาลแล้วก็เป็นได้

 

Liverpool and Manchester City

ประตูสุดยอดของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในเกมนี้

 

ลิเวอร์พูลทำดีที่สุดแล้ว

 

การขาด เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาตัวหลักที่ทำให้ เจมส์ มิลเนอร์ นักเตะอาวุโสต้องลงมาเป็นตัวจริงและวิ่งไล่จับ ฟิล​ โฟเดน เกือบตลอดทั้งเกมนั้นเป็นจุดเดียวที่เป็นปัญหาชัดเจนที่สุดสำหรับทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์

 

แต่นอกนั้นแล้วนี่อาจจะพอกล่าวได้ว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดที่พวกเขามีในเวลานี้แล้ว

 

หลังจากที่ผิดหวังในฤดูกาลที่แล้วด้วยการขาดแผงหลังยกชุด ลิเวอร์พูลกลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งอีกครั้งในฤดูกาลนี้โดยยังไม่แพ้ใครสักนัดในทุกรายการ และการกลับมาของแผงหลังก็ทำให้องค์ประกอบอื่นๆ ในทีมดีขึ้นตามไปด้วย

 

โดยเฉพาะในแนวรุกวันนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นสตาร์หมายเลขหนึ่งของทีมอย่างชัดเจน และได้รับการชมเชยจากผู้รู้ในวงการว่า ถ้าวัดฟอร์มกันในเวลานี้ดาวเตะทีมชาติอียิปต์คือคนที่เล่นดีที่สุดในโลกเวลานี้

 

ซาลาห์ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าตอนนี้ใครก็หยุดเขายาก ต่อให้เป็นทีมที่มีเกมรับแข็งแกร่งอย่างซิตี้ก็ตาม ด้วยผลงานการจ่าย 1 และยิงเองอีก 1 ที่มาจากความสามารถเฉพาะตัวทั้งคู่

 

ประตูขึ้นนำ 1-0 ของลิเวอร์พูล เกิดจากจังหวะที่เขาพักและเก็บบอลเล่นทางขวาได้ก่อนจะแตะหลบ ชูเอา  กานเซโล แบ็กซ้ายที่ดีที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีกเวลานี้ไปแบบดื้อๆ ก่อนจะไหลให้ ซาดิโอ มาเน ปีกคู่หูหลุดเข้าไปยิงผ่านเอแดร์สันอย่างเฉียบขาด

 

ขณะที่ประตูที่เขาทำได้เองยิ่งยอดเยี่ยมกว่านี้อีกด้วยการคลึงบอลทีเดียวก่อนพาบอลหนี 3 นักเตะที่เข้ามารุมรวมถึงล็อกหลอก อายเมอริค ลาปอร์ต จนหลังหักก่อนที่จะยิงด้วยขวาเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูที่คล็อปป์บอกว่า “ผู้คนจะพูดถึงลูกนี้ไปอีก 60 ปี”

 

ประตูนี้ยังทำให้กระแสเรียกร้องให้ FSG ในฐานะเจ้าของสโมสรรีบดำเนินการต่อสัญญาฉบับใหม่ให้กับซาลาห์โดยเร็วที่สุด หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า เรื่องการเจรจาต่อสัญญาใหม่ไม่มีความคืบหน้าในทางที่ดี 

 

เพราะทาง FSG ยังคงใจเย็นและเชื่อว่าพวกเขาจะต่อสัญญากับสตาร์เบอร์หนึ่งได้ในอนาคต รวมถึงยังไม่พร้อมจะจ่ายเงินในจำนวนที่ซาลาห์เรียกร้อง ซึ่งเป็นตัวเลขในระดับสูงสุดของวงการเช่นเดียวกับซูเปอร์สตาร์รายอื่นที่เขาเชื่อว่าสมควรได้รับ

 

อย่างไรก็ดี ถึงจะมีซาลาห์ร่างทองแล้ว แต่คุณภาพของลิเวอร์พูลสู้ซิตี้ไม่ได้อีกครั้งในเกมนี้ โดยเฉพาะพื้นที่แดนกลางที่ ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และเคอร์ติส โจนส์ ประสบปัญหาอย่างมากในการหยุดซิตี้ ซึ่งนอกจากจะมีเทคนิคเฉพาะตัวดีเยี่ยม ยังเปี่ยมด้วยไหวพริบจนทำให้จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แค่การพาบอลหนี หรือการจ่ายขึ้นหน้าก็สามารถแก้เพรสซิงได้อย่างสบายๆ

 

สุดท้ายถึงจะออกนำไปก่อนถึงสองครั้งสองครา แต่ก็ไม่สามารถรักษาสกอร์ได้ โดยเสียประตูในเวลาแค่ 10 และ 5 นาที

 

Liverpool and Manchester City

 

สิ่งแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม?

 

90 นาทีที่แอนฟิลด์นัดนี้ แม้ว่าอาจจะไม่ได้จบแบบดีที่สุดสำหรับฝ่ายใดเลยก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็ไม่แย่นัก

 

สำหรับลิเวอร์พูลพวกเขาอาจจะพลาดโอกาสในการขึ้นเป็นจ่าฝูง และสร้างแรงกดดันเพิ่มให้แก่คู่แข่งสายตรงในการลุ้นแชมป์ แต่อย่างน้อยเมื่อคิดถึงช่วงครึ่งแรกที่โดนกดจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว การเกือบชนะได้ก็ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่แย่เกินไปนัก

 

แต่หากคิดถึงการที่พวกเขาทำได้แค่เสมอทีมระดับเดียวกันในบ้านเป็นเกมที่ 2 (หลังจากที่เสมอกับเชลซี) นั่นหมายถึงผลงานการพบกับทีมกลุ่ม Top 6 ของลิเวอร์พูลอาจจะมีปัญหาได้ในฤดูกาลนี้

 

ขณะที่ซิตี้พวกเขาผ่านเกมนี้ไปได้โดยไม่แพ้ถือว่าไม่แย่เลย เพราะผ่านมาแค่ 7 นัดพวกเขาเจอกับทีมในกลุ่ม Top 6 ไปแล้วถึง 3 ทีมด้วยกัน (แพ้สเปอร์ส, ชนะเชลซี และเสมอลิเวอร์พูล) โดยสถานการณ์ตอนนี้ตามหลังจ่าฝูงเชลซีแค่ 2 คะแนนเท่านั้น

 

สิ่งที่น่าสนใจคือหลังจากนี้ทั้งสองทีมจะรักษาโมเมนตัมของผลงานจากเกมนี้ และเบียดกันในกลุ่มนำต่อไปจนจบฤดูกาลเหมือนในฤดูกาล 2018-19 และ 2019-20 หรือไม่

 

และจะมีทีมใดที่จะเล่นได้ในระดับเดียวกับสองทีมนี้อีกหรือไม่ เพราะชัดเจนแล้วว่านี่คือ ‘มาตรฐานของทีมลุ้นแชมป์’ ด้วยระบบ วิธีการเล่น สไตล์ หัวจิตหัวใจนักสู้ ฯลฯ

 

เชลซีอาจจะขึ้นมาได้ แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเวลานี้เริ่มไม่แน่ใจ

FYI
  • ในช่วงก่อนเกมในแอนฟิลด์มีการสดุดีให้แก่ โรเจอร์ ฮันต์ หรือ ‘เซอร์ โรเจอร์’ ของแฟนเดอะค็อป ตำนานสุดยอดดาวยิงตลอดกาลที่เสียชีวิตด้วยวัย 83 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 
  • โรเจอร์ ฮันต์ ไม่เคยได้รับพระราชทานยศอัศวินให้ แต่แฟนบอลลิเวอร์พูลขอแต่งตั้งเองให้เป็นเซอร์ ด้วยผลงานและความเป็นคนดีที่ควรค่าแก่การยกย่อง
  • แต่ในระหว่างเกมเกิดเหตุไม่งามขึ้น เมื่อมีสตาฟฟ์ของแมนฯ ซิตี้ถูกแฟนบอลลิเวอร์พูลถ่มน้ำลายใส่ ซึ่งจะมีการดำเนินการตามหาผู้กระทำผิดในเร็วๆ นี้
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X