‘Never Say Never’ กำลังกลายเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อ ลิโอเนล เมสซี ได้ตัดสินใจที่จะตีจากบาร์เซโลนาอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
โดยเมสซีซึ่งมีข่าวว่าไม่มีความสุขในคัมป์นูอีกต่อไปมาตั้งแต่ต้นปี จากกรณีปัญหามากมายกับบอร์ดบริหารของสโมสร (อ่านบทความ ฟางเส้นสุดท้ายของ ‘ลิโอเนล เมสซี’ กับเหตุผลที่จะตีจากบาร์เซโลนา คลิก) ได้แจ้งต่อบาร์เซโลนาอย่างเป็นทางการผ่านเอกสารที่ส่งทาง Burofax หรือการส่งแฟกซ์ผ่านคนกลางคือไปรษณีย์สเปน ซึ่งสามารถใช้ยืนยันเป็นหลักฐานทางกฎหมายได้ว่ามีการส่งเอกสารดังกล่าวจริง และเอกสารนั้นจะถึงมือผู้รับอย่างแน่นอน ทำให้จะบ่ายเบี่ยงว่าไม่ได้รับเอกสารไม่ได้
เอกสารดังกล่าวระบุว่า สตาร์วัย 33 ปี มีความประสงค์ที่จะออกจากทีม โดยขอใช้เงื่อนไขตามที่ระบุเอาไว้ในสัญญาว่าสามารถที่จะย้ายออกจากทีมได้โดยไม่มีค่าตัวในทุกช่วงของการสิ้นสุดฤดูกาล ซึ่งทีมงานฝ่ายเมสซีได้ส่งเอกสารดังกล่าวในช่วงบ่ายของวันอังคาร ก่อนที่เรื่องจะปรากฏในสื่อช่วงค่ำของวันเดียวกัน เมื่อมีรายงานว่า บาร์ซายอมรับต่อสำนักข่าว AP ว่าได้รับเอกสารฉบับดังกล่าวจากเมสซีจริง พร้อมตอบกลับไปด้วยการยืนยันว่าเขายังอยู่ในแผนการทำทีมของสโมสรในอนาคต
อย่างไรก็ดี กระดาษแผ่นดังกล่าวกลายเป็นชนวนเหตุของความวุ่นวายในระดับสั่นสะเทือนทั้งเมืองบาร์เซโลนาทันที
ตลอดทั้งคืนมีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นรายละเอียดที่น่าสนใจทั้งสิ้น โดย Diario Olé สื่ออาร์เจนตินา ระบุว่า เมสซีโกรธและผิดหวังอย่างมากหลังได้พบกับ โรนัลด์ คูมัน โค้ชคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง
โดยสิ่งที่เป็นฟางเส้นสุดท้าย ทางด้าน Diario AS สื่อสายมาดริด เผยว่า โค้ชชาวดัตช์ได้แจ้งต่อเมสซีว่า นับจากนี้ไปจะไม่มี ‘สิทธิพิเศษ’ ใดๆ อีกต่อไปในทีม
เมื่อรวมกับการปฏิบัติต่อ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าเพื่อนรักที่ได้รับการยืนกรานว่าไม่อยู่ในแผนการทำทีม และบาร์ซาพยายามหาทางที่จะเขี่ยออกจากทีมเพื่อลดภาระของสโมสร ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เชื่อว่าทำให้เมสซีไม่พอใจอย่างรุนแรง
และไม่น่าแปลกใจที่ดาวยิงชาวอุรุกวัยจะแสดงจุดยืนด้วยการตอบกลับทวีตของ การ์เลส ปูโยล อดีตกัปตันทีม ที่ขอให้ทุกคนยอมรับและเข้าใจในการตัดสินใจครั้งนี้ของเมสซีด้วยท่าปรบมือ 👏👏
แม้กระทั่งทางด้าน ควิม ตอร์รา ปลา ผู้นำรัฐบาลคาตาลัน ยังกล่าวคำอำลาต่อเมสซี พร้อมให้คำมั่นว่า “กาตาลุญญาจะเป็นบ้านของคุณเสมอ”
ขณะที่แฟนบอลบาร์เซโลนิสตาต่างอยู่ในอาการช็อกหลังทราบข่าว และได้ออกมาแสดงพลังให้การสนับสนุนต่อเมสซี พร้อมเรียกร้องให้ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสร และบอร์ดบริหารทุกคน เป็นคนรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งไป
เพราะการลาออกของบาร์โตเมวรวมถึงบอร์ดบริหารอาจเป็นความหวังเดียวที่เปลี่ยนใจเมสซีได้ ซึ่งเรื่องนี้คนที่ออกมาให้ความเห็นคือ โจน ลาปอร์ตา อดีตประธานสโมสรผู้นำบาร์เซโลนาสู่ยุคเรืองรองในปี 2003-2010
“ถ้าพวกเขาลาออก มันอาจจะยังมีความหวังที่เมสซีจะอยู่ต่อ” ซึ่งลาปอร์ตาเป็นหนึ่งในคนที่หวังอยากเห็นเมสซีอยู่กับทีมต่อไปจนแขวนสตั๊ด เพื่อเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่างแท้จริง
ฟากนักวิเคราะห์มองว่า การแจ้งต่อสโมสรว่าต้องการย้ายออกจากบาร์ซาอาจเป็นแผนพลีชีพเพื่อขับไล่บาร์โตเมวและฝ่ายบริหารทุกคนออกจากตำแหน่งทันที เพื่อให้มีการเลือกตั้งประธานสโมสรคนใหม่ที่จะเข้ามาปฏิรูปบาร์เซโลนาทันที
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เป็นปมที่ต้องรอการสะสางอาจจะไม่ได้มีแค่นั้น เพราะยังมีเรื่องของเงื่อนไขในการฉีกสัญญาด้วยเช่นกัน
โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว (ซ้าย) เผชิญการตัดสินใจที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบาร์เซโลนา
เปิดเงื่อนไขพิเศษในการย้ายทีม
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญสำหรับเรื่องนี้คือเรื่องของ ‘เงื่อนไขพิเศษ’ ที่มีการระบุเอาไว้ในสัญญาระหว่างเมสซีและบาร์ซา
เงื่อนไขดังกล่าวระบุว่า เมสซีสามารถที่จะย้ายออกจากทีมได้อย่างอิสระหากมีการแจ้งต่อสโมสรล่วงหน้า แต่ปัญหาคือทางด้านบาร์ซายืนกรานว่าเงื่อนไขดังกล่าวนั้น ‘หมดเขต’ ไปแล้วหลังผ่านวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
ตรงนี้กลายเป็นปัญหา เพราะต่างฝ่ายต่างมองข้อตกลงแตกต่างกัน อันเป็นผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19
ในมุมของบาร์ซา พวกเขายึดถือสิ่งที่อยู่ในเอกสาร ซึ่งเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน และนั่นหมายถึงถ้าใช้เงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้ สโมสรที่ต้องการได้ตัวเมสซีไปจะต้องจ่ายค่าฉีกสัญญามูลค่าถึง 700 ล้านยูโร
เงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ทางด้านบาร์ซาตั้งใจตั้งเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีแบบเดียวกับที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กระชาก เนย์มาร์ ไปจากพวกเขาเมื่อปี 2017 ด้วยการจ่ายค่าฉีกสัญญา 222 ล้านยูโร
ในขณะที่ฟากของเมสซีเชื่อว่า การที่ฤดูกาลถูกพักการแข่งยาวถึง 3 เดือน และเพิ่งจะสิ้นสุดการแข่งขันในรายการสุดท้ายคือ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เงื่อนไขในการย้ายทีมอย่างอิสระนั้นยังอยู่
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ที่หากคุยกันไม่รู้เรื่องจะต้องนำไปให้ศาลตัดสิน
ทางด้านบอร์ดบริหารของบาร์ซามีการเรียกประชุมด่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อดูข้อกฎหมายว่าตีความได้เป็นเช่นไร โดยที่เสียงเรียกร้องจากภายนอกต้องการให้ทุกอย่างจบลงด้วยการเจรจากันมากกว่า
เพราะไม่ว่าจะอยู่หรือไป หรือจะไปอย่างไร เมสซีคือนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร ขณะที่บาร์เซโลนาก็เป็นทีมรักแรกและรักเดียวของสตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ที่อยู่กับทีมมาร่วม 20 ปี เรียกว่าใช้ชีวิตในบ้านหลังที่สองแห่งนี้มาเกินค่อนชีวิต
ถ้าจะจากกันไปก็ขอให้แยกกันแบบมองหน้าติด
เมสซีและเป๊ปจะกลับมาสวมกอดกันอีกครั้ง?
ร่วมงานกับเป๊ป เล่นคู่เนย์มาร์ หรือท้าดวลโรนัลโดอีกหน?
การประกาศขออำลาบาร์ซาของเมสซี นำไปสู่อีกหนึ่งคำถามที่สำคัญคือ ทีมใดที่จะได้ตัวนักเตะเจ้าของบัลลงดอร์ 6 สมัยไปครอบครอง?
สองทีมแรกที่มีโอกาสสูงสุดคือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยเหตุผลสำคัญ 3 ประการด้วยกัน
- สามารถจ่ายค่าเหนื่อยมหาศาลของเมสซีได้
- มีโอกาสประสบความสำเร็จต่อเนื่อง
- มีแรงดึงดูดพิเศษ
กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมสซีจะได้ร่วมงานกับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา โค้ชอัจฉริยะที่มีส่วนในการช่วยทำให้เขาก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของโลกลูกหนังอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีอดีตผู้บริหารของบาร์เซโลนาที่เคยร่วมงานกันมาอย่าง ซิกิ เบกิริสไตน์ และ เฟร์ราน โซเรียโน
ทีมเรือใบสีฟ้ายังมี เซร์คิโอ อเกวโร และ นิโคลัส โอตาเมนดิ เพื่อนร่วมทีมชาติอาร์เจนตินา และมีนักเตะพรสวรรค์อีกมากมายซึ่งรวมถึง เควิน เดอ บรอยน์ หนึ่งในกองกลางที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลกเวลานี้
หากจะไปเปแอสเช เมสซีจะได้เล่นร่วมกับ เนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์รุ่นน้องชาวบราซิล ที่มีส่วนทำให้เมสซีตรอมใจนับตั้งแต่ย้ายออกจากคัมป์นูเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยที่ไม่สามารถดึงตัวกลับมาเล่นร่วมกันอีกครั้งได้ในทีมบาร์ซา
นอกจากนี้ยังมี คีเลียน เอ็มบัปเป้ หนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดของยุคสมัยใหม่ และอีกหนึ่งคนสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ อังเคล ดิ มาเรีย คู่หูในทีมชาติด้วย
ทีมอื่นที่ตกเป็นข่าวให้ความสนใจยังมีอินเตอร์ มิลาน ยักษ์หลับที่กลับมาตื่นของวงการฟุตบอลอิตาลี ซึ่งต้องการกระชากแชมป์จากยูเวนตุสให้ได้ ซึ่งการย้ายไปเล่นในเซเรีย อา เมสซีจะได้รับเงินค่าตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่า เพราะเงื่อนไขภาษีนั้นไม่โหดเท่าในสเปนหรืออังกฤษ
อีกหนึ่งเหตุผลที่น่าสนใจคือ การที่จะได้ไปแข่งกับ คริสเตียโน โรนัลโด ให้ชีวิตกระชุ่มกระชวยอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี อยู่ในข่ายให้ความสนใจด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่แปลกที่ทุกทีมจะต้องการพยายามสักครั้ง เพราะโอกาสในการจะได้นักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลของโลกมาร่วมทีมนั้นอาจจะมีแค่ครั้งเดียวในชีวิต
อย่างไรก็ดี หากยึดความแม่นยำของข่าวจาก มาร์เซโล เบชเลอร์ ผู้สื่อข่าวที่เป็นคนแรกที่เปิดเผยว่า เนย์มาร์จะย้ายทีม และเป็นคนแรกเช่นกันที่ออกมาเผยว่า เมสซีต้องการที่จะย้ายออกจากบาร์ซา
เบชเลอร์เผยว่า เมสซีได้เลือกสโมสรใหม่ของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทีมดังกล่าวคือแมนเชสเตอร์ ซิตี้
เพียงแต่แค่เลือกทีมได้ ไม่ได้แปลว่าเรื่องจบ มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ที่เศร้าที่สุดสำหรับบาร์เซโลนาเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/football/2020/aug/25/lionel-messi-tells-barcelona-he-wants-to-leave-but-faces-legal-battle-over-clause
- https://www.football-espana.net/2020/08/25/president-of-catalonia-says-his-goodbyes-to-lionel-messi-as-he-confirms-barcelona-exit
- https://en.as.com/en/2020/08/25/football/1598384870_092263.html
- https://www.fourfourtwo.com/features/lionel-messi-barcelona-transfer-request-free-700-million-fee-bartomeu-president-what-happened-why
- https://en.as.com/en/2020/08/25/football/1598386483_989079.html
- แต่ถึงจะมีเงื่อนไขในการฉีกสัญญาที่ 700 ล้านยูโร ก็มีความเป็นไปได้สูงที่บาร์ซาจะยอมรับข้อเสนอที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากภาวะโรคระบาด และการที่เมสซีเหลือสัญญากับทีมแค่ปีเดียว ซึ่งความจริงแค่เข้าวันที่ 1 มกราคม 2021 ก็สามารถเจรจาย้ายทีมได้โดยอิสระแล้ว
- เงื่อนไขในการปลดสัญญาเป็นสิ่งที่ถูกระบุให้มีในสัญญาของนักฟุตบอลที่เล่นในประเทศสเปนมาตั้งแต่ปี 1985 แล้ว