สงครามระหว่าง ลิโอเนล เมสซี และบาร์เซโลนา เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการมาเป็นเวลาเกือบครบสัปดาห์ และไม่มีทีท่าว่าจะหาทางสงบศึกกันได้โดยง่าย
ล่าสุดสถานการณ์มีความคืบหน้าไปอีกขั้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 สิงหาคม) ซึ่งเป็นวันที่นักฟุตบอลบาร์ซาจะต้องกลับมาเข้ารับการตรวจหาโควิด-19 ซึ่งเป็นไปตามมาตรการที่กำหนดไว้ โดยหากไม่พบเชื้อจึงจะสามารถกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมพรีซีซันได้ตามปกติ
แต่ปรากฏว่า เมสซีไม่เดินทางมาตรวจแต่อย่างใด ซึ่งเป็นไปตามกระแสข่าวที่มีการออกมาก่อนหน้านั้นว่า ดาวเตะวัย 33 ปี ได้ตัดใจและตัดขาดกับสโมสรที่เขาอยู่มาตั้งแต่อายุ 13 ปีแล้ว
ขณะที่แฟนบอลทั่วโลกต้องสะเทือนใจไปกับภาพของแฟนบอลหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่เดินทางมารอเมสซีอยู่ที่ด้านนอกของสนามซ้อมก่อนจะหัวใจสลาย เพราะฮีโร่ในดวงใจของเขาไม่ปรากฏกาย และอาจจะไม่มีวันได้พบกันในชุดสีเลือดหมูอีกแล้ว
การไม่ปรากฏตัวของเจ้าของบัลลงดอร์ 6 สมัย เกิดจากการที่เมสซีประเมินสถานการณ์ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องต่อสู้ทางกฎหมายกับสโมสร และจากจุดยืนที่เชื่อว่าตนเป็นอิสระจากข้อผูกมัดทางสัญญา ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปรายงานตัวตามปกติ เพราะการไปรายงานตัวอาจจะนำไปสู่การที่บาร์ซานำมาใช้เล่นแง่ได้ในอนาคต
นี่จึงนำไปสู่การตัดสินใจ ซึ่งเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เมสซีเลือกแล้วที่จะไปจากบาร์เซโลนา
เมสซีเชื่อว่า เขามีสัญญาสุภาพบุรุษในการจะไปจากบาร์ซาได้อย่างอิสระ เหมือน อันเดรส อิเนียสตา หรือ ชาบี เอร์นานเดซ รุ่นพี่ที่อำลาทีมไปก่อนหน้านี้
‘เงื่อนไขการปลดสัญญา’ ไพ่ตายที่กำลังจะตกม้าตาย
จากการตัดสินใจเด็ดขาดของเมสซี นำไปสู่ข้อพิพาทที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบาร์เซโลนา
เมื่อนักฟุตบอลอันดับหนึ่งตลอดกาลของสโมสรตัดสินใจที่จะไป และไม่ได้คิดที่จะไปแบบปกติ แต่เป็นการไปแบบไม่มีค่าตัว โดยที่สโมสรเองไม่มีสิทธิ์เรียกร้องเงินแม้แต่ยูโรเดียวจากการย้ายทีมของเขาตามที่ระบุเอาไว้ในสัญญาว่า เขามีสิทธิ์จะย้ายได้แบบอิสระในทุกช่วงของการสิ้นสุดฤดูกาล
นั่นทำให้บาร์ซาในฐานะต้นสังกัดที่ถือสัญญาที่ทำร่วมกันไว้ยอมไม่ได้ และยืนกรานว่าเมสซีทำสัญญาไว้กับสโมสรจนถึงปี 2021 ดังนั้นเขาจะย้ายทีมได้ก็ต่อเมื่อมีสโมสรอื่นที่จ่ายค่าปลดสัญญา (Release Clause) ที่ตั้งไว้จำนวน 700 ล้านยูโรเท่านั้น โดยยึดตามสิ่งที่ระบุในสัญญาเช่นกันว่า เมสซีจะมีสิทธิ์ย้ายออกแบบอิสระได้ต่อเมื่อมีการแจ้งกับสโมสรล่วงหน้าภายในวันที่ 10 มิถุนายนเท่านั้น ซึ่งขัดกับฝั่งสตาร์อาร์เจนไตน์ที่มองว่า ฤดูกาลนี้ถูกเลื่อนการแข่งออกมาหลายเดือน ไม่สามารถจะยึดวันที่ตามสัญญาเป็นหลักได้
ด้วยระยะห่างระหว่าง 0 จนถึง 700 ล้านยูโรนั้นมันมากมายจนดูเหมือนจะไม่สามารถหาจุดร่วมตรงกลางได้ และนำไปสู่การต่อสู้อย่างจริงจังทางกฎหมาย
ก่อนหน้านี้มีการประเมินว่าท่าทีของเมสซีในเรื่องนี้ไม่ใช่ความตั้งใจที่จะย้ายออกไปแบบฟรีๆ แต่แค่ต้องการที่จะ ‘งัดข้อ’ กับทางด้านฝ่ายบริหารของสโมสรโดยเฉพาะ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรให้สาสมกับที่กระทำกับเขาตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยหากฝ่ายบริหารมีท่าที่อ่อนลง ก็อาจจะเปิดทางให้สโมสรที่สนในใจตัว (เชื่อว่าเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้) เข้ามาเจรจาสู่ขอกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
แต่ประเมินจากท่าทีล่าสุดแล้ว เมสซีดูเหมือนจะมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะย้ายออกจากบาร์ซาได้อย่างอิสระ โดยที่สโมสรจะไม่ได้เงินค่าตัวของเขาแม้แต่แดงเดียว
โดยในรายงานจาก Onda Cero สถานีวิทยุในสเปนเปิดเผยว่า ในสัญญาที่เมสซีเซ็นกับสโมสรนั้นมีการระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเงื่อนไขในการปลดสัญญามูลค่า 700 ล้านยูโรที่ทำไว้นั้นจะมีอายุถึงแค่สิ้นสุดฤดูกาล 2019/20
นั่นหมายความว่า เมื่อจบฤดูกาล 2019/20 (นัดสุดท้ายของบาร์ซาคือการแพ้บาเยิร์น มิวนิก 2-8 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา) เมสซีได้แจ้งความจำนงในการขอย้ายทีมแบบอิสระต่อบาร์ซา ผ่าน Burofax ซึ่งเป็นวิธีการส่งเอกสารสำคัญที่ใช้อ้างอิงทางกฎหมายได้เนื่องจากมีการระบุวันส่ง และวันที่ผู้รับได้รับอย่างชัดเจน โดยกรณีของเมสซีระบุเอาไว้ในวันที่ 20 สิงหาคม ดังนั้นเขาควรจะได้สิทธิ์ในการย้ายทีมแบบอิสระ
สิ่งที่น่าตกใจคือ การที่ดูเหมือนบาร์ซาจะไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์อ้างอิงเงื่อนไขการปลดสัญญา 700 ล้านยูโรอีกต่อไป
อาการเพลี่ยงพล้ำของบาร์ซาทำให้ลาลีกาตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการออกแถลงว่า เงื่อนไขการปลดสัญญา (ซึ่งลาลีกาเป็นคนดูแลส่วนนี้ของนักฟุตบอลที่เล่นในลาลีกาทุกคน) ของเมสซียังมีผลบังคับใช้อยู่ตามเดิม และจะย้ายทีมได้ก็ต่อเมื่อมีคนจ่ายเงินค่าปลดสัญญาเท่านั้น
ทั้งนี้ เพราะลาลีกาเองก็ได้ผลประโยชน์จากแม่เหล็กที่ดีที่สุดในโลกอย่างเมสซีด้วยเช่นกันในการขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลไปทั่วโลก
แฟนบอลบาร์เซโลนาออกมาประท้วงฝ่ายบริหารทุกวัน หลังจากเมสซีแจ้งความประสงค์จะย้ายออกจากทีม
ทางออกอยู่ตรงไหน
จากความเห็นที่ไม่ตรงกันแม้แต่น้อยระหว่างเมสซีและบาร์เซโลนา (ที่มีลาลีกาผนึกกำลังด้วย) ทำให้ทั้งสองฝ่ายจะต้องตัดสินใจว่าจะให้เรื่องจบลงด้วยกระบวนการทางกฎหมาย พิสูจน์ทราบกันไปชัดๆ เลยว่าใครถูกหรือผิด หรือควรจะหยุดการโต้ตอบ และหันมาพูดคุยกันดีๆ
ทั้งนี้ หากบาร์ซายอมรับความปรารถนาของเมสซีที่ตัดสินใจจะย้ายออกจากคัมป์นู ยินดีเปิดทางให้ อาจนำไปสู่การเจรจากับแมนฯ ซิตี้ ซึ่งเวลานี้กำลังรอติดตามสถานการณ์ในการเจรจาอย่างใกล้ชิด ซึ่งต่อให้บาร์ซาไม่ได้เงินค่าตัว 700 ล้านยูโร หรือเงินค่าตัวเป็นสถิติโลกให้สมกับสถานะของนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีหลัก 100 ล้านปอนด์
กับเงินจำนวนนี้และการลดภาระค่าใช้จ่ายที่บาร์ซาต้องหามาให้เมสซีปีละร่วม 100 ล้านปอนด์ จะทำให้สโมสรหายใจหายคอได้คล่องขึ้นบ้าง แม้ว่าผลกระทบจากการที่ไม่มีเมสซีนั้นจะรุนแรงกว่าจนถึงขั้นยากที่จะประเมินเป็นตัวเลขได้ก็ตาม
ขณะที่เมสซีจะได้เริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตในช่วงสุดท้ายของการเป็นนักเตะที่คาดว่าจะเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้น
โดยตามรายงานข่าวแล้ว เมสซีจะได้รับสัญญาจาก City Football Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแมนฯ ซิตี้ เป็นระยะเวลา 5 ปี มูลค่ารวมกว่า 750 ล้านยูโรด้วยกัน
ในสัญญา 5 ปีนั้นเขาจะเล่นให้กับแมนฯ ซิตี้ เป็นเวลา 3 ปีด้วยกัน จากนั้นจะไปเล่นให้กับนิวยอร์ก ซิตี้ เอฟซี ในเมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ (MLS) อีก 2 ปี ก่อนจะปิดฉากชีวิตการเล่นของตัวเอง (หรืออาจจะมีแว้บกลับไปเล่นให้กับนีเวลส์ โอลด์บอยส์ สโมสรในบ้านเกิดเป็นฉากสุดท้าย)
คาดว่าในสัปดาห์นี้ ฮอร์เก เมสซี ผู้เป็นพ่อที่ดูแลสัญญาของลูกชายมาตลอดชีวิต จะเดินทางกลับจากโรซาริโอ บ้านเกิดในอาร์เจนตินา เพื่อเข้าพบกับฝ่ายบริหารของบาร์ซา เพื่อเจรจาหาทางออกร่วมกันในเรื่องนี้
เพียงแต่ทางเลือกนั้นมีแค่จะไปแบบไหน
ไม่มีคำว่าอยู่กับบาร์ซาอีกต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://www.thetimes.co.uk/edition/sport/lionel-messi-goes-on-strike-to-force-manchester-city-move-kwhxpwpm8
- https://www.bbc.com/sport/football/53967083
- https://edition.cnn.com/2020/08/30/football/lionel-messi-misses-coronavirus-test-barcelona-spt-intl/index.html
- การไม่เข้ารับการตรวจโควิด-19 และการไม่กลับมารายงานตัวฝึกซ้อมของเมสซี จะทำให้เขาถูกปรับเงินตามระเบียบการของสโมสร
- ปลายสัปดาห์ที่แล้ว โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ท้าทายเมสซีด้วยการบอกว่า พร้อมจะลาออกจากตำแหน่ง หากเมสซีระบุว่าเขาเป็นตัวปัญหา
- บาร์โตเมวเคยพูดถึงเรื่องเงื่อนไขในสัญญาของเมสซีเมื่อปีกลายว่า “เมสซีมีสัญญา 4 ปีที่เซ็นไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเขาสามารถจะย้ายออกจากบาร์เซโลนาได้ก่อนถึงฤดูกาลสุดท้ายคือในปี 2020/21 มันเป็นการตัดสินใจของผู้เล่นว่าเขาจะอยากรีไทร์หรืออยากจะไปเล่นที่ไหนก็ได้ตามความปรารถนา มันเป็นเงื่อนไขที่คนอื่นก็มีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อันเดรส อิเนียสตา, ชาบี และ การ์เลส ปูโยล ในตอนที่เราต่อสัญญาฉบับสุดท้ายกับพวกเขา”