หลังจากที่มีข่าวเสนอขายหุ้น IPO เพื่อระดมทุนมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท ไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ล่าสุด LINE MAN Wongnai บริษัทให้บริการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีและบริการขนส่งออนดีมานด์แบบครบวงจร อัปเดตแผนที่จะเสนอขายหุ้น IPO ในปี 2568 ที่ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาตลาดเข้าจดทะเบียนระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐฯ และอาจมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการจดทะเบียนควบ (Dual-listing) ในทั้งสองประเทศก็เป็นได้ โดยข้อมูลถูกเปิดเผยจาก TechCrunch ที่ได้สัมภาษณ์พิเศษกับ ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท
ณ ปัจจุบัน LINE MAN Wongnaiได้ระดมทุนไปแล้วราว 13,472 ล้านบาท (372 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีมูลค่าบริษัทมากกว่า 36,900 ล้านบาท (1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยจุดแตกต่างของบริษัทจากมุมมองของซีอีโอคือการร่วมงานกับ LINE รวมถึงความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ผู้ขาย ไรเดอร์ และกฎหมายกำกับดูแล
การจับมือพาร์ตเนอร์กับ LINE ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต เนื่องจาก LINE คือแพลตฟอร์มที่เปรียบได้กับประตูสู่การเข้าถึงคนไทยที่มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 50 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นจุดที่ Wongnai นำมาต่อยอดขยายธุรกิจให้เติบโต
“เราผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาแล้วในอดีต ว่าเรามีความสามารถที่จะดำเนินกลยุทธ์การควบรวมได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นเราพร้อมเปิดรับโอกาสการลงทุนและการรวมกิจการใหม่ๆ หากดีลเหล่านั้นตอบโจทย์กับวิสัยทัศน์ของบริษัทในระยะยาว” ยอดกล่าวกับ TechCrunch
สำหรับการแข่งขันในตลาดตอนนี้ LINE MAN Wongnai กำลังเจอกับคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นในตลาดส่งอาหาร โดยมี GrabFood เป็นผู้นำตลาดอยู่เล็กน้อย ซึ่งกำลังสูสีกับ LINE MAN ตามด้วย ShopeeFood และ Robinhood จากข้อมูลสถิติของ Statista
เครดิต: Statista
อย่างไรก็ตาม ยอดมองว่า ศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทยยังมีอีกมาก เนื่องจากการเข้าถึงบริการส่งอาหารและอาหารสดยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำสำหรับประเทศไทย โดยข้อมูลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้เผยว่า บริการส่งอาหารในไทยอยู่ที่ประมาณ 27.1% ในขณะที่อาหารสดอยู่ที่ 17.3% หรือจะเป็นในส่วนของธุรกิจบริการรถผ่านแอปพลิเคชัน (Ride-hailing) ก็มีผู้ใช้งานชาวไทยเพียงแค่ 19.8% เท่านั้น
นอกจากนี้ LINE MAN Wongnaiยังตั้งเป้าที่จะลงทุนขยายทีมเทคโนโลยีของตัวเอง โดยเฉพาะทีมงานด้านดาต้าและปัญญาประดิษฐ์
บริษัทยืนยันว่าจะขอโฟกัสธุรกิจในประเทศไทยก่อน และยังไม่มีแผนที่จะขยายออกไปสู่ประเทศอื่นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนที่แผนเสนอขายหุ้น IPO จะแล้วเสร็จ
อ้างอิง:
