เป้าหมายของ LINE MAN คือการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ดังนั้น 5 บริการที่มีอยู่ในวันนี้อย่าง สั่งอาหาร, เรียกแท็กซี่, ส่งพัสดุ, สั่งของในร้านสะดวกซื้อ และแมสเซนเจอร์ จึงถือว่ายังไม่ครอบคลุม LINE MAN เองก็กำลังมองหาบริการใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเสริมทัพอยู่เช่นเดียวกัน
โดยหากย้อนกลับไปในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2562 ภายในงาน LINE Converge Thailand 2019 ได้มีการประกาศออกมาว่า บริการใหม่ของ LINE MAN ที่เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้คือบริการ Grocery สำหรับซื้ออาหาร สินค้าอุปโภคในซูเปอร์มาร์เก็ต
วรานันท์ ช่วงฉ่ำ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาธุรกิจและการตลาด LINE MAN อธิบายว่า สำหรับตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตช่องทางออนไลน์นั้น มีสัดส่วนประมาณ 2-3% ของยอดขายรวม แต่มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากการเป็นที่นิยมของแอปฯ เดลิเวอรีที่นำเสนอบริการหลากหลายด้าน จากความคุ้นชินในการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรีแต่เดิม ประกอบกับการขยายตัวของเมือง (Urbanization) ที่มาพร้อมกับความต้องการด้านสินค้าอุปโภคบริโภค
ด้วยความพร้อมต่างๆ ที่ว่ามา จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว Mart Service โดยร่วมมือกับ Happy Fresh แอปพลิเคชันซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์จากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมาเปิดบริการในไทย 5 ปีแล้ว โดย Happy Fresh จะทำหน้าที่ดูแลทั้งด้านการหยิบสินค้า ณ ร้านค้าที่ต้องการ ผ่านพนักงานเลือกสรรสินค้าที่ถูกฝึกอบรมจนได้รับมาตรฐาน จวบจนบริการจัดส่งสินค้าสู่ผู้บริโภคในระยะเวลาที่กำหนด
สาเหตุที่เลือก Happy Fresh เป็นเพราะในเดือนเมษายนปีที่แล้ว Naver บริษัทแม่ของ LINE Corporation และ LINE Ventures หน่วยงานบริหารการลงทุนในสตาร์ทอัพ ได้ร่วมกันลงทุนโดยไม่เปิดเผยมูลค่าการลงทุน
ขณะเดียวกันวรานันท์มองว่า ฐานลูกค้าของ Mart Service จะไม่ทับซ้อนกับ Happy Fresh เพราะในระยะแรก Mart Service จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าของ LINE MAN ซึ่งแต่ละเดือนมียอด Active User ประมาณ 3 ล้านราย
เบื้องต้นจะเจาะไปที่ลูกค้า 3 กลุ่มก่อน คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อาศัยที่คอนโดมิเนียมประมาณ 1-2 คน คุณแม่รุ่นใหม่ที่ทำงานและดูแลครอบครัวไปพร้อมๆ กัน รวมถึงกลุ่มร้านอาหารขนาดเล็กที่ใช้บริการสำหรับสั่งของเข้าร้านในปริมาณที่ไม่มาก
นอกจากนี้ยังมองว่าจะไม่ไปทับบริการ ‘สั่งของในร้านสะดวกซื้อ’ เพราะหากเป็นบริการนี้ จะซื้อสินค้าใน 7-Eleven เป็นหลัก ส่วน Mart Service นอกจากจะมีการซื้อสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต ยังมีบริการการอื่นๆ เช่น เนื้อวัว ผักและผลไม้สดนำเข้าจากต่างประเทศ สินค้าออร์แกนิกเพื่อสุขภาพ และดอกไม้สด เป็นต้น รวมๆ แล้วมีประมาณ 30 แห่ง
“Mart Service เริ่มทดลองให้บริการตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พบว่าค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดี มีมูลค่าเฉลี่ย Basket Size หรือยอดสั่งต่อออร์เดอร์ประมาณ 600 บาท โดยสินค้า 3 กลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ ผ้าอ้อมเด็กและขนมขบเคี้ยว”
สำหรับราคาค่าบริการ เบื้องต้นอยู่ในช่วงราคาโปรโมชัน หากสั่งมากกว่า 250 บาท จะส่งฟรีจนถึงเดือนมีนาคม แต่หลังจากนี้ยังไม่ได้ประเมิน ซึ่งปกติแล้วบริการของ LINE MAN มีราคา 10 บาทสำหรับร้านที่เป็นพันธมิตร แต่สำหรับร้านที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรจะมีค่าส่งเริ่มต้นที่ 55 บาทสำหรับ 6 กิโลเมตรแรก ถัดไปจะคิด 9 บาทต่อกิโลเมตร
ส่วน Happy Fresh ค่าบริการจัดส่งสำหรับชั่วโมงให้บริการปกติเริ่มต้นที่ 60 บาทสำหรับ 0-10 กิโลเมตรแรก ระยะทางกิโลเมตรถัดไปอยู่ที่กิโลเมตรละ 12 บาท สำหรับทุกๆ การจัดส่ง และค่าบริการจัดส่งสำหรับชั่วโมงเร่งด่วนเริ่มต้นที่ 80 บาทสำหรับ 0-10 กิโลเมตรแรก ระยะทางกิโลเมตรถัดไปอยู่ที่กิโลเมตรละ 12 บาท สำหรับทุกๆ การจัดส่ง
ภายใน 1 ปี LINE MAN วางเป้าหมายให้ ‘Mart Service’ ขึ้นมาเป็นบริการที่ได้อันดับ 4 ต่อจากสั่งอาหาร เรียกแท็กซี่ และแมสเซนเจอร์ ส่วนส่งพัสดุและสั่งของในร้านสะดวกซื้อมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
อย่างไรตาม เมื่อ THE STANDARD ถามว่า LINE MAN สามารถเป็นอะไรได้อีก ผู้บริหารตอบเพียงว่า ภายในปีนี้จะมีบริการใหม่ออกมาอีก 1 บริการ สามารถรอดูได้เลย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า