เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา LINE ประเทศไทยได้จัดงาน LINE Converge Thailand 2019 ประกาศกลยุทธ์สำคัญภายใต้วิสัยทัศน์ Life on LINE มุ่งนำนวัตกรรมและทำให้แพลตฟอร์ม LINE กลายเป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานชีวิต’ สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำของทุกคน
โดย 3 กลยุทธ์สำคัญที่ LINE ประเทศไทยได้ประกาศออกมาเพื่อให้สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้มากขึ้น ประกอบด้วย
1. OMO (Online-Merge-Offline การรวมกันของออนไลน์กับออฟไลน์): คล้ายกับ O2O แต่เป็นการรวมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ และเพื่อให้ OMO เข้ามาช่วยธุรกิจไทยได้อย่างแท้จริง LINE จึงได้เปิดตัว LINE Mini App ระบบที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้บริการเต็มรูปแบบจากแบรนด์หรือธุรกิจต่างๆ ผ่าน LINE ได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องออกจาก LINE และแบรนด์เองก็ยังคงรูปแบบบริการของตนเองได้ตามที่ต้องการ
2. Fintech: ที่ผ่านมา LINE ได้ดำเนินธุรกิจ Rabbit LINE Pay และได้ร่วมมือกับ KBank เพื่อปฏิวัติการบริการทางการเงิน ภายใต้องค์กรความร่วมมือใหม่ในนาม ‘KASIKORN LINE’ Fintech จึงถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ LINE ให้ความสนใจ โดยรูปแบบการให้บริการ Fintech จาก LINE จะขยายบริการไปสู่บริการทางบัญชีและเงินกู้ รวมถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะท้าทายแพลตฟอร์มการเงินแบบที่เคยมีมา
3. AI: LINE ยังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI ขั้นสูงเพื่อนำไปใช้ในการบริการที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น การนำ AI มาช่วยในฟีเจอร์สำหรับการแนะนำบริการแบบเฉพาะบุคคลในการค้นหาการใช้บริการ LINE TV, Sticker Shop, โฆษณา ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด Smart Channel ที่เรียนรู้จากพฤติกรรมความสนใจของผู้ใช้ไปสู่การนำเสนอข้อมูลที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Optical Character Recognition (OCR) ซึ่งจะช่วยค้นหาตัวอักษรหรือข้อความที่อยู่ในภาพถ่าย และสามารถระบุประเภทของตัวอักษรได้ และสามารถนำไปใช้ร่วมกับการแปลภาษาต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ LINE ประเทศไทยได้เปิดตัวในงาน LINE Converge Thailand 2019 ซึ่งจะทยอยเปิดให้ใช้งานภายในปี 2562 นี้ ประกอบด้วย
- LINE Shopping: บริการรวมแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ไว้ในที่เดียว เพื่อแก้ Pain Point ของลูกค้าในการตามหาข้อมูลที่มีมากจนเกินไป และช่วยให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยฟีเจอร์อื่นๆ เช่น โปรโมชัน, คะแนนสะสม, การตั้งรายการสินค้าที่ต้องการซื้อ (Wish List), การแจ้งเตือนเมื่อสินค้านั้นๆ ราคาลดลง และฟีเจอร์อื่นๆ ที่จะตามมาอีกมากมายในอนาคต
- LINE MAN: ประกาศแผนการรุกขยายการบริการให้ครอบคลุมพื้นที่หัวเมืองใหญ่ของประเทศไทยภายในปี 2563 ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Wongnai และ Lalamove โดยนำ Big Data มาปรับปรุงการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นตลอดเวลา
- LINE MAN Grocery: บริการซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตโดยไม่ต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง ช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง
- LINE MELODY: ฟีเจอร์เสียงรอสาย (ริงโทน) สำหรับผู้ใช้งาน LINE Call ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนำเพลงยอดฮิตมาเป็นเสียงรอสายได้ ส่วนพันธมิตรด้านเพลงจะเปิดเผยเร็วๆ นี้
อีอึนจอง รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารธุรกิจระดับโลก LINE คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “LINE มุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ ‘WOW’ ให้กับผู้ใช้งานทุกคน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับทุกชีวิตในรูปแบบ Lifestyle Innovation ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรายืนหยัดและประสบความสำเร็จเช่นในวันนี้ และถือเป็นส่วนสำคัญที่ได้เข้ามาปฏิวัติไลฟ์สไตล์ของคนไทยผ่านบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทุกชีวิตของคนไทย และก้าวต่อไปของ LINE ก็คือการประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ‘Life on LINE’ ที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานชีวิตสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของทุกคน”
ด้าน ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) แห่ง LINE ประเทศไทย บอกว่า “ทั้งหมดคือบริการและฟีเจอร์ทั้งหมดที่จะมีการเปิดตัวภายในปีนี้ ซึ่งเร็วๆ นี้ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับประสบการณ์ใหม่จากบริการใหม่จาก LINE โดยทีมงานทุกคนของ LINE ประเทศไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่เราได้ทุ่มเทนั้นจะสามารถตอบสนองความต้องการทุกคน และช่วยยกระดับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ของเราให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น”
ปัจจุบัน LINE เข้ามาทำตลาดในไทยเป็นระยะกว่า 6 ปีแล้ว โดยถือเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีผู้ใช้งานกว่า 44 ล้านคน หรือประมาณ 78% ของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันนอกเหนือจากแชทแอปฯ แพลตฟอร์มของ LINE ยังมีบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างครบวงจร
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า