“ถ้าไปโมร็อกโก (Morocco) เธอต้องไปเมืองเฟส (Fes) นะ สวยกว่ามาร์ราเกช (Marrakech) เป็นไหนๆ”
เสียงเพื่อนหญิงชาวอังกฤษ ผู้มีชีวิตเดินทางท่องเที่ยวมาเกือบทั้งโลกตั้งแต่วัยเด็กยืนยันหนักแน่น ซ้ำยังทิ้งท้ายให้คนที่ไม่เคยไปเยือนประเทศโมร็อกโกในทวีปแอฟริกาทางตะวันตกเฉียงเหนือเก็บไปคิดว่า ‘Marrakech is Overdone’ แผนท่องเที่ยวประเทศโมร็อกโกคราวนั้น จึงมีอันต้องปรับเปลี่ยนในที่สุด
หลังจากช่วงเวลา 3 วันที่ตะลอนชมความงามตามท้องเรื่องของเมืองมาร์ราเกชทั้งตลาด พระราชวัง สุสาน ไปนั่งดัดจริตติดหรูในโรงแรมห้าดาวระดับโลก และทริปหนึ่งวันออกนอกเมืองไปเทือกเขาแอตลาส (Atlas) จนได้คำพูดติดปาก “No, Thank you.” ตอบกลับบรรดาพ่อค้าซึ่งพยายามยัดเยียดสรรพคุณสินค้าของตนว่า คุณภาพดีที่สุด ราคาดีที่สุด ของแท้แน่นอน ในทุก 30 วินาทีตลอดรายทางที่สัญจรผ่าน แม้จะตั้งใจซื้อจริงๆ หรือแค่เผอิญเหลือบมองก็เถอะ แรกๆ พอทนต่อล้อต่อเถียงได้ พอใกล้หมดวัน ความรู้สึกชักเปลี่ยนเป็นรำคาญ เหวี่ยงกลับไปหลายราย ไม่ต่างจากเมืองท่องเที่ยวในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกเท่าใดนัก
กระทั่งกว่า 7 ชั่วโมง 15 นาทีบนเส้นทางรถไฟจากมาร์ราเกชผ่านไป ก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ณ เมืองเฟส หนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดไม่เฉพาะในโมร็อกโกและไม่ใช่แค่ในแอฟริกา แต่เป็นเมืองที่มีคนอยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ในฐานะเมืองหลวงแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของประเทศ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 789 ก่อนจะคงสถานะศูนย์กลางทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมยาวนานจนถึงปัจจุบัน เฟสเคยถูกลดทอนบทบาทลงกลายเป็นเมืองเอกไร้ยศและกลับคืนสู่ตำแหน่งเมืองหลวงอยู่หลายครา เหตุเพียงเพราะปัญหาการเมืองภายในและภัยคุกคามจากชาติตะวันตก
สื่อนำเที่ยวแทบทุกแขนงระบุทำนองเดียวกันว่า สิ่งแรกที่เกิดขึ้นในเฟสคือ คุณจะต้องหลงทางอย่างแน่นอน ต่อให้สัญชาตญาณพิกัดทางธรณีของคุณแม่นยำเพียงใด ความมั่นใจทั้งปวงจะถูกทำลายลงทันทีที่คุณก้าวสู่ Fes el-Bari ย่านเมืองเก่าระดับมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO) ชนิดที่แม้แต่ Google Maps ก็ไม่อาจช่วยอะไร อ้างอิงจากประสบการณ์ตรง
ลองนึกภาพเมืองเก่าแต่โบราณในจำนวนประชากร 156,000 คน บนเนื้อที่ 3 ตารางกิโลเมตร หนาแน่นไปด้วยถนนแคบๆ กว่า 9,500 สาย ตัดสลับซับซ้อนกับตรอก ซอกซอย วกเวียนวนดั่งเขาวงกต ขนาดชาวเมืองเองยังมีหลง
นี่คือเขตปลอดรถยนต์ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าไม่นับรถจักรยานยนต์ก็มีเพียงรถเทียมลาใช้เป็นพาหนะขนส่งสินค้ามาตั้งแต่สมัยยุคกลาง
ราวศตวรรษที่ 13-14 ยุคที่เฟสเจริญรุ่งเรืองเป็นเมืองการค้า ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เมืองหลวง และกลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงเวลานั้น มีผู้อาศัยอยู่ถึง 200,000 คน ภายใต้อารยธรรมอิสลามสุดเฟื่องฟู ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยมที่สุดในบรรดาประเทศมุสลิมอาหรับ ทุกวันนี้ทุกสิ่งอย่างแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากศตวรรษดั้งเดิมเลย
เดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนคดเคี้ยว ลดหลั่นสูงต่ำกันไปตามสภาพภูมิประเทศบนพื้นที่ต่อจากเชิงเทือกเขา Rif ตอนเหนือกับเขตเทือกเขาแอตลาสตอนกลาง สร้างมิติแก่ร้านค้าและบ้านเรือนซึ่งวางตัวเรียงต่อกันไปให้น่าค้นหา งามต้องตาทุกมุมมอง อากาศดีไม่ร้อนอบอ้าว เพราะอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 414 เมตร แวะดูของต่อรองราคาก็สบายใจ พ่อค้าเมืองนี้ไม่ตะบันตอแยขายของสักเท่าไรเมื่อเทียบกับมาร์ราเกช
ธุรกิจค้าปลีกร่วม 10,539 รายรวมตัวกันอยู่ที่นี่ สมเป็นศูนย์กลางการค้าของเมือง ขายทุกสิ่งอย่างที่ตลาดต้องการ ตั้งแต่ของใช้ในชีวิตประจำวัน เสื้อผ้า รองเท้า อาหารสด เครื่องเทศ อินทผลัม ยันของใช้เฉพาะอย่าง บ้างรวมกันอยู่เป็นย่าน อาทิ ย่านงานเครื่องจักสาน งานฝีมือ แกะสลักไม้ ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง สินค้าประดามีต่างนำมาประดับตกแต่งประชันกันหน้าร้าน สวยๆ ทั้งนั้น สนใจชิ้นไหนถามราคาแล้วต่อไปเลยอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ขาช้อปทั้งหลายจำให้ขึ้นใจ
มัสยิดกว่า 365 แห่ง โรงเรียนสอนศาสนา น้ำพุ โรงอาบน้ำ และเตาอบขนมปังของชุมชน ครบห้าองค์ประกอบหลักของชุมชนมุสลิม พบเห็นได้ตลอดทาง บ้างจัดอยู่ในประเภทอาคารประวัติศาสตร์ซึ่งมีถึง 13,380 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ มหาวิทยาลัย Al-Karaouine สถาปนาขึ้นในปี ค.ศ. 859 มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังทำการเรียนการสอนอยู่จวบจนปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเดินทะลุตลาดหรือโฉบย่านที่พักอาศัย สิ่งปลูกสร้างรอบกายอาจเพิ่งแล้วเสร็จไม่นาน หรืออาจเป็นผลงานจากศตวรรษใดก็ได้ในช่วงสหัสวรรษที่ผ่านมา ยิ่งหลงทางเท่าไร ยิ่งค้นพบมากเท่านั้น นี่แหละความงามของเฟส
ขณะที่มาร์ราเกชมักเปิดรับและส่งเสริมชาวต่างชาติ ทว่าเฟสกลับไม่ได้ให้ความรู้สึกต้อนรับขับสู้แก่คนภายนอกเท่าใดนัก เพิ่งไม่กี่ปีนี้เอง คนท้องถิ่นกลุ่มหนึ่งเริ่มปรับปรุงสองฟากทางเดินยุคกลางเส้นเดิมด้วยเหล่าร้านค้า ที่กิน และที่พักใหม่ๆ โดยหมายมั่นที่จะไม่แปรเปลี่ยนรูปแบบเมือง เหตุเพราะพวกเขาอยู่กับตัวตนที่เฟสเป็นอยู่ ไม่ใช่เพื่อสิ่งที่พวกเขาต้องการให้เป็นแบบอย่างของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เฟสกลายเป็นจุดหมายทางเลือกสำหรับนักเดินทางผู้แสวงหาประสบการณ์ขนานแท้ เป็นเมืองที่มอบบรรยากาศย้อนศตวรรษได้จริงแท้กว่ามาร์ราเกช ซึ่งเป็นเมืองสุดโปรดปรานของนักท่องเที่ยว อันล้นหลามด้วยโรงแรมหรูหรา ร้านบูทีกดีไซเนอร์ รถทัวร์ และสถานที่จัดประชุม
“Marrakech is Overdone” ประโยคเจ็บๆ ของเพื่อนหญิงนางเดิม ยังคงดังก้องอยู่ในหัวจนทุกวันนี้