เมื่อหลายเดือนก่อนมีการเรียกร้องให้รถไฟฟ้าบีทีเอสเลิกยัดเยียดโฆษณาให้ผู้ใช้บริการ ผ่าน Change.org เกิดขึ้น หลังจากที่โฆษณาสินค้ายี่ห้อหนึ่งแปะป้ายสีแดงปรากฏหราทั้งขบวนรถ บันได ไปจนถึงป้ายบอกสถานี เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม และความ ‘ขายโหด’ ของรถไฟฟ้ามหานครที่ผู้บริโภคยังเรียกร้องกันอยู่
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลายคนอาจได้เห็นหน้าตาที่แปลกไปของรถไฟฟ้าเส้นสีลมและสุขุมวิท ที่เปลี่ยนจากป้ายโฆษณาที่คุ้นเคย เป็นผลงานศิลปะเคลื่อนที่รอบกรุง ‘Universal Connections by Spiritual Fractal’ จากฝีมือ คามิน เลิศชัยประเสริฐ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้เงินสนับสนุนจากการระดมทุนออนไลน์ผ่าน Asiola.com แคมเปญสาธารณะที่ทุกคนร่วมกันทำได้สำเร็จ โดยสามารถหาเงินได้ 2,608,600 บาท ซึ่งทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก
THE STANDARD คุยกับ พีท-ประณิธาน พรประภา หนึ่งในผู้ก่อตั้งงาน Wonderfruit และหัวเรือหลักผู้ริเริ่มโครงการอินสตอลเลชันอาร์ตเคลื่อนท่ีโปรเจกต์แรกของกรุงเทพฯ
อะไรดลบันดาลให้คุณทำแคมเปญนี้ขึ้นมา?
“ผมชอบศิลปะ และสนใจในสิ่งที่ทำให้คนเกิดแรงบันดาลใจในการคิดนอกกรอบ กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่รวมคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และไอเดียดีๆ มาอยู่ด้วยกันเยอะ แต่เราถูกรายล้อมด้วยการตลาดและการโฆษณา ไม่เว้นแม้กระทั่งการเดินทางในชีวิตประจำวันบนรถไฟฟ้า ผมคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสื่อโฆษณาพวกนั้นกลายเป็นอะไรสักอย่างที่เป็นศิลปะจรรโลงใจบ้าง แล้วถ้าเราหาอะไรมาห่อรถไฟฟ้าทั้งขบวน ทั้งในและนอกตัวรถให้กลายเป็นงานศิลปะทั้งชิ้นไปเลยล่ะ เราสามารถสร้างให้เกิดงานศิลปะเคลื่อนที่ชิ้นใหญ่ชิ้นแรกของกรุงเทพฯ ได้เลยนะ โครงการนี้จึงเกิดขึ้น ซึ่งผมหวังว่าคนจะใช้โอกาสนี้ผละสายตาจากโทรศัพท์ หันมามองสิ่งรอบตัวหรืออะไรที่สร้างสรรค์บ้าง และถ้าใครเห็นแล้วชอบ สามารถสแกนคิวอาร์โค้ด และอ่านข้อมูลเกี่ยวกับผลงานและแรงบันดาลใจของอาจารย์คามินได้”
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสื่อโฆษณาพวกนั้นกลายเป็นอะไรสักอย่างที่เป็นศิลปะจรรโลงใจบ้าง แล้วถ้าเราหาอะไรมาห่อรถไฟฟ้าทั้งขบวน ทั้งในและนอกตัวรถให้กลายเป็นงานศิลปะทั้งชิ้นไปเลยล่ะ เราสามารถสร้างให้เกิดงานศิลปะเคลื่อนที่ชิ้นใหญ่ชิ้นแรกของกรุงเทพฯ ได้เลยนะ”
ทำไมถึงเลือกทำงานร่วมกับ คามิน เลิศชัยประเสริฐ
“ตั้งแต่ตอนผมคิดจะทำโครงการนี้ มีศิลปินคนเดียวที่ผมนึกถึงและอยากร่วมทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นมา นั่นคืออาจารย์คามิน เลิศชัยประเสริฐ ซึ่งเป็นศิลปินร่วมสมัยคนไทยที่ทั่วโลกยอมรับ และเป็นคนที่ผมมองว่าหาตัวจับยาก เพราะแกเป็นศิลปินที่เก่งมาก และใช้ชีวิตได้อย่างมีศิลปะสุดๆ อาจารย์คามินนั่งสมาธิทุกวันและนำสมาธิมาใส่ในงานของเขาด้วย งานของเขาเป็นศิลปะเชิงแนวคิด ที่มีความหมายลึกซึ้ง และโปรเจกต์นี้ก็เหมาะกับการทำให้คนจำนวนมากเข้าถึงศิลปะอันลึกซึ้งขึ้น อาจารย์คามินมีประสบการณ์เข้าถึงมุมมองของคนในระดับโลก จากการจัดแสดงผลงานมาแล้วทั้งในโตเกียวหรือนิวยอร์ก ผมเลยมองว่าน่าจะเหมาะกับแคมเปญนี้ที่สุด และตอนที่เราคุยกัน อาจารย์เสนอมิติใหม่ด้วยการดึงแนวคิดของเรขาคณิตมาใช้ ซึ่งผมขอยกเครดิตทั้งหมดให้กับอาจารย์ ผมเพิ่งนั่งรถไฟฟ้ากับอาจารย์เมื่ออาทิตย์นี้เอง และอาจารย์ก็ภูมิใจกับผลงานที่ออกมามาก”
“ชีวิตคนเราทุกวันนี้ถูกฉาบเคลือบด้วยสื่อโฆษณา และเนื้อหาที่ไม่ได้สื่อถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทั้งยังมอมเมาให้คนใช้ชีวิตอย่างฉาบฉวย” – คามิน เลิศชัยประเสริฐ
เราจะได้เห็นอะไรดีๆ สำหรับสาธารณะแบบนี้จากพวกคุณอีกไหม?
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ถึงตอนนี้เรายังไม่มีแผนที่ชัดเจน แต่ผมบอกได้เลยว่าผมได้แรงบันดาลใจเพิ่มอีกเยอะในการทำโปรเจกต์นี้ และผมอยากทำอะไรอย่างนี้อีก และคำว่า ‘สาธารณะ’ จะเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญในการทำอะไรใหม่ๆ ในการสร้างอะไรที่เข้าถึงง่ายขึ้น ดีขึ้น และการที่โครงการนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากผู้คนมากมายก็เป็นเครื่องพิสูจน์ในตัวของมันเองถึงความต้องการของคนไปในตัวด้วย มันชัดเจนว่าการร่วมกันระดมทุนจากคนทั่วไปนั้นเป็นเรื่องที่กำลังมา และทำให้เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ในขณะที่ผมอาจจะทำอะไรใหม่ๆ ให้เห็นอีกในอนาคต
“แต่ใครก็ตามที่มีความคิดสร้างสรรค์และอยากทำให้ฝันนั้นเป็นจริง ทำไมไม่ลองลงมือทำด้วยเองดูด้วยล่ะ เห็นไหมว่ามันเกิดขึ้นได้”
ภาพประกอบ: Narissara k.
- พบรถไฟฟ้าขบวนพิเศษนี้ได้ที่รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิทและสีลม ตั้งแต่วันที่ 19-31 กรกฎาคม 2560
- ผู้ร่วมสนับสนุนโครงการนี้จะได้รับของตอบแทนเป็นผลงานของศิลปินทั้งในรูปแบบบัตรแรบบิต เสื้อลายพิเศษ ภาพพิมพ์ ฯลฯ และผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้ทางหน้าเพจ asiola.co.th/campaign/btsovertime
- ใครที่อยากทำความรู้จักกับแรงบันดาลใจเบื้องลึกของศิลปิน สามารถใช้โทรศัพท์สแกนคิวอาร์โค้ดที่อยู่บนตัวงานเพื่อเข้าชมวิดีโอต่อได้
- แรงบันดาลใจของผลงานนี้ คามิน เลิศชัยประเสริฐ เผยว่ามาจากรูปทรงเรขาคณิตซึ่งนำมาผูกกับเรื่องจิตวิญญาณและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ คามินเหน็บแนมว่า “ชีวิตคนเราทุกวันนี้ถูกฉาบเคลือบด้วยสื่อโฆษณา และเนื้อหาที่ไม่ได้สื่อถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทั้งยังมอมเมาให้คนใช้ชีวิตอย่างฉาบฉวย” โดยเขาหวังว่าโครงการดีๆ นี้จะช่วยยกระดับจิตใจผู้ที่ผ่านไปมา และทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น