เมื่อเราพูดถึง ‘Universal Design’ หรือ ‘การออกแบบเพื่อทุกคน’ ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงมักเป็นอาคารสาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟ หรือโรงพยาบาล ที่มักออกแบบให้เหมาะกับผู้คนหลากหลายวัย หลากหลายสภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทางลาดสำหรับผู้ใช้วีลแชร์ ปุ่มกดลิฟต์อ่านง่าย หรือป้ายสัญลักษณ์ชัดเจน แต่ความจริงแล้ว แนวคิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในพื้นที่สาธารณะเท่านั้น เพราะ ‘บ้าน’ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิต ก็สามารถนำหลักการนี้มาปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
Universal Design คืออะไร?
Universal Design เป็นแนวคิดในการออกแบบที่เน้นการใช้งานได้จริง สำหรับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยทำงาน ผู้สูงอายุ หรือผู้มีข้อจำกัดทางร่างกาย โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือออกแบบแยกเป็นพิเศษ แนวคิดนี้จึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความสะดวก และการเข้าถึงง่าย เช่น พื้นที่ที่ไม่มีระดับ (No-step Entry) มือจับประตูที่เปิดได้ง่าย การเลือกใช้วัสดุป้องกันลื่น หรือแสงสว่างที่เพียงพอในจุดต่างๆ ของบ้าน
แล้วบ้านที่ตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชันเป็นอย่างไร?
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ ‘สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์’ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะมีประชากรสูงวัยในสัดส่วนที่มากขึ้น การออกแบบบ้านจึงต้องมองไกลกว่าความสวยงามหรือดีไซน์ทันสมัย แต่ควรมองถึงความยั่งยืนและการใช้ชีวิตที่สะดวก ปลอดภัย และมีคุณภาพในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ฉะนั้น บ้านที่ออกแบบด้วยแนวคิด Universal Design จะไม่ใช่แค่ ‘สวยงาม’ เท่านั้น แต่ยังเป็นบ้านที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับผู้อยู่อาศัย เช่น บ้านที่ไม่มีธรณีประตูสูงให้สะดุดล้ม พื้นที่ทางเดินกว้างให้สามารถรองรับรถเข็นได้ หรือห้องน้ำที่มีราวจับและพื้นกันลื่น สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่กลับเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้คนในบ้านทุกวัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและปลอดภัย
นอกจากนี้ Universal Design ยังช่วยลดความจำเป็นในการปรับปรุงบ้านซ้ำในอนาคต เมื่อผู้อยู่อาศัยมีอายุมากขึ้น หรือเมื่อมีสมาชิกใหม่ในครอบครัว บ้านที่มีการออกแบบเผื่อไว้ตั้งแต่ต้นจะตอบโจทย์ได้มากกว่า ทั้งในแง่ของการประหยัดค่าใช้จ่าย และการเพิ่มคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง
ถอดรหัส Universal Design จาก 2 โครงการดังจากบ้านเดี่ยว AP
BAAN KLANG KRUNG และ THE PALAZZO เป็น 2 โครงการ ที่อยู่ใน Majestic Collection เด่นเรื่องการนำแนวคิด Universal Design มาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เพื่อสร้างบ้านที่รองรับการอยู่อาศัยในระยะยาว และตอบโจทย์ครอบครัวหลากหลายรุ่น ตัวอย่างบ้านที่ออกแบบโดยยึดหลัก Universal Design ว่าแนวคิดนี้สะท้อนอยู่ในรายละเอียดของบ้าน Majestic Collection เป็นอย่างไร
- ออกแบบพื้นที่โดยใช้หลัก ‘Majesty Space’ ซึ่งไม่เพียงแค่ให้พื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ยังสามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างยืดหยุ่นด้วย
- พื้นบ้านเรียบ ไม่มีธรณีประตู หรือมีระดับความต่างอย่างน้อยที่สุด
- ห้องนอนกว้างพิเศษ ห้องน้ำที่เอื้อต่อการใช้งาน พื้นกันลื่นภายในห้องน้ำ พร้อมติดตั้งราวจับในตำแหน่งที่เหมาะสม
- ออกแบบห้องนอนให้ง่ายต่อการเข้าออกในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงเนินสโลปและพื้นที่จอดรถที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกชีวิตในบ้านใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและราบรื่นที่สุด
- การวางสวิตช์ไฟในตำแหน่งที่ไม่สูงเกินไป เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายสำหรับเด็กหรือผู้ใช้วีลแชร์
- มีระบบ Home Automation ที่ครบครันครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งด้านการรักษาความปลอดภัย การควบคุมแสงสว่าง การระบายอากาศ รวมถึงระบบที่ดูแลและเอื้ออำนวยให้ผู้สูงวัยใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
- ฯลฯ
แนวทางเหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองการใช้ชีวิตในปัจจุบัน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในอนาคตของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม
เพราะบ้านคือชีวิต ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย
บ้านที่ดีไม่ใช่แค่สวยงามตามแบบสถาปัตยกรรม แต่คือพื้นที่ที่ ‘ใส่ใจ’ และ ‘เข้าใจ’ การใช้ชีวิตในทุกช่วงวัย การนำแนวคิด Universal Design เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบบ้าน จึงเปรียบเสมือนการวางรากฐานให้ชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นวันที่เราก้าวเดินอย่างคล่องแคล่ว หรือวันที่ต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อยในการเคลื่อนไหว
เมื่อบ้านออกแบบมาเพื่อทุกคน บ้านจึงกลายเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่คือสถานที่ที่พร้อมจะเติบโตไปกับเรา รองรับทั้งความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและการเดินทางของเวลา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเล็กที่เพิ่งเริ่มต้น หรือครอบครัวใหญ่ที่มีหลายเจเนอเรชันอยู่ร่วมกัน บ้านที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดเล็กน้อย คือบ้านที่สร้างความสุขได้ในทุกๆ วัน และในทุกๆ วัยอย่างแท้จริง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/j8ww