ปีนี้งานเทศกาล ‘Thai Fest by the Beach’ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ชายหาดซานตาโมนิกา เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย นับเป็นการจัดเทศกาลไทยที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยสีสันของวัฒนธรรมไทยบริเวณท่าเรือซานตา​โมนิกา ซึ่งนำทีมโดยสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส (สคต.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลอสแอนเจลิส

งานนี้ไม่เพียงจะเป็นเวทีสำหรับเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้กับชุมชนท้องถิ่นที่นี่และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่นิยมเดินทางมายังหาดซานตาโมนิกา ซึ่งถือเป็นสถานที่ไอคอนิกสำคัญในลอสแอนเจลิสแล้ว ยังเป็นงานที่คนไทยในแอลเอจะได้มารวมตัวกันอีกด้วย 

แถมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เสริมสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยในมุมมองใหม่ ผ่านการนำเสนอทางอาหาร แฟชั่น สินค้าไทย กีฬา และการแสดงต่างๆ ที่มีความร่วมสมัย ความคิดสร้างสรรค์​ และนวัตกรรม เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ในการยกระดับสินค้าและเพิ่มมูลค่า ท่ามกลางบรรยากาศภายในงานที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนานตลอดทั้งวัน  

เมื่อเรามีโอกาสได้พูดคุยกับ ต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ไทย ณ ลอสแอนเจลิส ถึงแนวคิดของการจัดงานครั้งนี้ ความสำคัญของหาดซานตาโมนิกาในฐานะสถานที่จัดงาน และอะไรคือการนำเสนอวัฒนธรรมไทยในรูปแบบที่ร่วมสมัยขึ้นเพื่อดึงดูดทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว โดยที่ยังคำนึงถึงชุมชนชาวไทยในแอลเอ 

อยากรู้ถึงจุดเริ่มต้นของการจัดงาน Thai Fest by the Beach ที่ซานตาโมนิกา ลอสแอนเจลิส 

ต้องบอกว่างานเทศกาลไทยที่นี่มีมานานมากแล้ว ซึ่งจัดโดยคนในชุมชนที่เป็นภาคเอกชนในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ต่อเนื่องมา 20 กว่าปี พอดีว่าปีนี้ทางผู้จัดขอเว้นวรรคไม่จัด ซึ่งประจวบเหมาะกับปีนี้เป็นปีที่ทางภาครัฐได้งบประมาณสนับสนุนให้เราจัดงานนี้ขึ้น ซึ่ง 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ ลอสแอนเจลิส, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส (สคต.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลอสแอนเจลิส เราก็มานั่งคุยกันว่าเรามาจัดด้วยกันดีไหมในเมื่อปีนี้ชุมชนจัดไม่ได้ ลองมาจัดอะไรในรูปแบบที่แตกต่างไป บวกกับเราอยากให้สถานที่จัดงานมีความหมายกับชุมชนท้องถิ่นด้วย เลยคิดว่าที่ซานตาโมนิกาเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของลอสแอนเจลิส ใครมาเที่ยวต้องหาเวลามาที่นี่อยู่แล้ว เราเลยเลือกที่นี่ 

เห็นว่าคอนเซปต์งานต่างจากงานเทศกาลไทยที่จัดครั้งก่อนๆ ค่อนข้างมาก 

ครับ พอดีว่ากระทรวงการต่างประเทศมีนโยบายอยากจะรีแบรนด์คำว่าเทศกาลไทยให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น มีความทันสมัย มีความคิดสร้างสรรค์ มีการนำนวัตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มมูลค่า เพราะเราอยากโชว์ภาพของประเทศไทยที่มันร่วมสมัยแล้ว เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจของเรา กุญแจสำคัญคือการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative Economy เทศกาลไทยที่จะเห็นได้ในปีต่อๆ ไปมันควรจะเป็นอย่างไร เราก็ได้คำตอบว่ามันควรทันสมัย Innovation และ Creativity แต่ยังไม่ได้เริ่มใช้เพราะตามแพลนคือปีหน้า เราเลยน่าจะเป็นที่แรกที่ทำสิ่งนี้ 

อรุษ ตันตสิรินทร์ ผู้ออกแบบ Warbie Yama 

ด้วยแนวคิดที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะไม่ได้อยากดึงดูดแค่คนไทย แต่ยังรวมถึงคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวด้วย อยากรู้ว่าเราจะได้เจออะไรในงานบ้าง 

อย่างที่บอกว่าเราเน้นความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ร้านอาหารที่มาออกบูธจะมีเมนูใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากเมนูมาตรฐานที่ชาวต่างชาติรับรู้ดีอยู่แล้วอย่างผัดซีอิ๊ว ต้มยำกุ้ง พวกนี้ต่างชาติคุ้นเคยดี ก็จะมีเมนูพิเศษที่ขายในงาน แต่เราดึงสตรีทฟู้ดเข้ามาอยู่ในงานด้วย เพราะเราอยากจะส่งเสริม เนื่องจากมันเป็นเศรษฐกิจที่ลงไปถึงชุมชน หรือเครื่องดื่มที่ขายในงานก็ครีเอตใหม่เพื่องานนี้ เช่น การนำโซดามาทำเป็นม็อกเทล 

โซนสตรีทฟู้ด 

ผัดไทยกุ้งสดขายดีมาก 

เบอร์เกอร์กะเพราและลาบ 

มะพร้าวน้องหมี 

เรามีโชว์จากศิลปินไทยที่นี่ซึ่งทำเพลงขายใน Spotify แม้จะขายต่างชาติแต่ก็มีกลิ่นอายของไทย เรามี Warbie Yama ซึ่งสร้างสรรค์โดยครีเอเตอร์คนไทย ที่ก่อนหน้านี้เดินสายโชว์ตัวอยู่ ก็จะมาปรากฏที่งานนี้เช่นกัน โดยจะมาเดินพร้อมกับผีตาโขน มีแฟชั่นโชว์เพราะเรามีดีไซเนอร์ไทยที่นี่ด้วย เขาทำธุรกิจชุดไทยสวยๆ ให้เช่ามากมาย  

เราได้แม่เหล็กอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ แล้วไม่ใช่คนเดียวด้วยนะครับ เรามีทั้งบัวขาวและ แสนชัย พี.เค. ดังคู่กันมาเลย ถือว่าดึงดูดคนได้ดี เพราะคนที่นี่ชอบมวยไทยมาก และเรายังมีพื้นที่ให้ทดลองนวดไทยที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย 

บัวขาว บัญชาเมฆ 

บริการนวดไทยฟรี 15 นาที 

แฟชั่นโชว์

อะไรคือความคาดหวังที่จะได้รับจากการจัดงานนี้ครั้งนี้ 

กระแสความนิยมไทยมันมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว คนในรัฐแคลิฟอร์เนียมีคนเอเชียอาศัยอยู่จำนวนมาก เพราะฉะนั้นจึงมีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมของเราอยู่แล้วระดับหนึ่ง อยากให้อีเวนต์ของเราทำให้เขาใกล้ชิดกับวัฒนธรรมของเรามากขึ้น ทำให้เขาเห็นภาพประเทศไทยในแง่ที่ร่วมสมัย เป็นป๊อปคัลเจอร์มากกว่าที่จะเป็นคัลเจอร์เดิมๆ ซึ่งเขารู้จักอยู่แล้ว จากนั้นการท่องเที่ยวก็จะตามมา นี่คือเหตุผลว่าทำไม ททท. ถึงมาร่วมงานกับเรา เมื่อคนประทับใจ ชื่นชอบอาหารของเรา เขาเห็นวัฒนธรรมที่สวยงามในไทย เขาก็อยากจะบินไปเที่ยวเมืองไทยในอนาคต

ผีตาโขนเดินคู่กับ Warbie Yama 

ร้านขายชุดและเครื่องประดับได้รับความนิยมมาก 

ส่วนร้านผู้ประกอบการรายย่อยอย่างร้านนวด ร้านอาหาร หรือร้านสตรีทฟู้ด ที่ดึงมาร่วม เราคาดหวังอย่างยิ่งว่าพอจบงานแล้วเขาจะได้ลูกค้าใหม่ๆ ที่มาลองชิมร้านเขาในงานแล้วประทับใจจนอยากไปอุดหนุนซ้ำ 

แผนปีหน้าทางสถานกงสุลไทย ณ ลอสแอนเจลิส มองไว้อย่างไรบ้าง จะยังเน้นเรื่องนี้อยู่ไหม

ปีหน้าเราคงทำงานเรื่องการส่งเสริมภาพลักษณ์ การส่งเสริม Soft Power และ Creative Economy ของเราอย่างต่อเนื่องแน่นอน แต่ก็คงต้องมาดูเรื่องของต้นทุนว่าเราได้มามากแค่ไหน และในชุมชนไทยมีความสนใจที่จะจัดงานแบบไหน หวังว่าครั้งนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ชวนคิดว่า ถ้าอยากจะลองปรับรูปแบบในสถานที่เดิมก็ทำได้ครับ มาคุยกันว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง