ครั้งสุดท้ายที่เราได้เดินเท้าเปล่าบนดินและผืนทรายคงเป็นตอนที่เราไปเที่ยวทะเล อาบแดดวิ่งเล่นรับลมจนหนำใจแล้วก็สวมรองเท้าเดินกลับ แต่สำหรับที่ Soneva Kiri คุณจะได้เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ด้วยประสบการณ์ ‘Barefoot Luxury’ ทั่วทั้งรีสอร์ตตลอดคืนวันจนลืมไปแล้วว่าเราพกรองเท้ามา
Why here?
จุดเริ่มต้นของอาณาจักร Soneva เกิดจากสองสามีภรรยา Sonu Shivdasani และ Eva Malmström Shivdasani ผู้มีปณิธานในการสร้างรีสอร์ตที่มอบประสบการณ์ไม่ซ้ำใครบนหลัก ‘ความหรูหราที่ชาญฉลาด’ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังต้องขับเคลื่อนด้วยความยั่งยืนในทุกด้าน ซึ่งการเดินมาถึงปีที่ 29 ของ Soneva ก็เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าแนวคิดดังกล่าวนั้นประสบความสำเร็จ
Soneva Kiri รีสอร์ตหรูบนเกาะกูด เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ และยังสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวของรีสอร์ตจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเวลาเพียงชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
เครื่องแลนด์เกาะไม้ซี้ (Mai Si) ปุ๊บเราก็เจอกับทีม Soneva Kiri ที่ยืนต้อนรับพร้อมพาเราไปบริเวณท่าเรือพร้อมมุ่งหน้าสู่รีสอร์ต
เมื่อหย่อนตัวลงเรือเราก็จะได้รับเสื้อชูชีพพร้อมผ้าเย็นและน้ำผลไม้สดเย็นๆ เพิ่มความสดชื่น
สิ่งแรกที่เราจะต้องทำก็คือการปรับไทม์โซน ใช่แล้ว เวลาที่ Soneva Kiri จะเร็วกว่าปกติ 1 ชั่วโมง ใครที่เป็นชาวสมาร์ทวอทช์ก็แนะนำให้ตั้งไทม์โซนเป็นสิงคโปร์แทน
ทันทีที่เรือเทียบท่าก็จะเจอกับทีมเจ้าหน้าที่ Soneva ที่ยืนต้อนรับเราอย่างยิ้มแย้มและชวนเมาท์ไม่หยุด เหลือบมองลงพื้นก็เห็นว่าทุกคนเปลือยเท้ากันหมดเราเลยขอเปลือยบ้าง พลางรับถุงผ้าจากเจ้าหน้าที่มาเก็บรองเท้า
ไม่รอช้ากระโดดขึ้นรถบักกี้ (ที่เราก็สามารถขับเองได้) แวะเช็กอินห้องพักสักหน่อย ด้วยความที่เรามากัน 5 ชีวิตเลยเข้าพักเป็น 5 Bedroom Bayview Pool Reserve ขนาด 1,845 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่เหลือเฟือ รองรับได้สบายๆ 14 คน
วิลล่ามีด้วยกัน 2 ชั้น ประกอบไปด้วยพื้นที่ Deck ชั้นล่างให้นั่งชมวิวเพลินๆ, สระว่ายน้ำ Half Moon, สไลเดอร์, ยิมในตัว และ Wine Cellar สำหรับสายจิบ
ในส่วนของห้องนอนจะมีทั้งห้องแบบ Master Bedroom ซึ่งจะมีห้องอาบน้ำแยกด้านนอก, 3 ห้องนอนเป็นแบบ En-suite ที่มีทั้งห้องอาบน้ำในตัวและด้านนอก และ Tree House ซึ่งมี Bunk Bed ตอบโจทย์ครอบครัวที่มีเด็กเล็กด้วยเช่นกัน
สังเกตได้ว่าวิลล่าจะถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ไม้ ให้มู้ดที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบด้าน อย่าง LCD TV ขนาด 42 นิ้วในห้องก็ถูกติดตั้งในหีบสมบัติ ให้ความเก๋ไปอีกแบบ
หลังสำรวจห้องสมใจแล้วก็ถึงเวลาของ Cocktail Party ริมหาดที่ South Beach นับเป็นความโชคดีที่เราเดินทางมาถึงในวันพุธ ซึ่งตรงกับวันปาร์ตี้ประจำสัปดาห์ของ Soneva Kiri และต้องบอกว่านี่เป็นหนึ่งใน Best Experience Ever!
อย่างแรกที่จับใจมากคือวิวทะเลพร้อมภาพผืนฟ้าไล่สีแสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ลมเย็นๆ และเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาดตลอดเวลา รวมไปถึงภาพรอยยิ้มเปื้อนหน้าของเหล่านักท่องเที่ยวที่กำลังเอ็นจอยโมเมนต์ บ้างก็กำลังนั่งนวดคอบ่าไหล่อยู่ริมหาด ซึ่งเป็นบริการฟรีสำหรับแขกผู้เข้าพัก บ้างก็กำลังสนทนาพาเพลินกับเจ้าหน้าที่ Soneva Kiri ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Samuel Wong, Guardian of the Experience ของรีสอร์ตที่ชวนเมาท์ไม่หยุดตั้งแต่มาถึง
ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีให้เลือกทุกอย่างตั้งแต่สายสปาร์กลิงยันค็อกเทล จิบแกล้มคานาเป้ได้เพลินๆ
สนุกจนฟ้าเริ่มมืดก็แวะมามื้อเย็นที่ The Dining Room ห้องอาหารที่นำเสนออาหารไทยและเมดิเตอร์เรเนียน ต้องบอกว่าซาชิมิสดจริงๆ ในส่วนของโซนอาหารไทยก็อร่อยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะข้าวโพดทอด อาหารกินเล่นที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อยได้ขนาดนี้ ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยของอาหารไทยที่นี่คือเชฟตุ๊กหรือจะเรียกว่าแม่ตุ๊กก็ได้ หลังจากอิ่มท้องแล้วเรายังสามารถแวะไปหอดูดาวที่อยู่บริเวณเดียวกันได้อีกด้วย
ด้วยความที่มีกิจกรรมยาวทั้งวันเลยขอตื่นเช้าขึ้นมาอีกนิดเพื่อมาตุนเสบียง เบรกฟาสต์ของที่นี่จะเสิร์ฟที่ The Dining Room เช่นกัน บรรยากาศยามเช้าจะให้ฟีลที่สบายไปอีกแบบ
เราสามารถสั่งแบบ À la carte หรือเดินไปตักที่ไลน์บุฟเฟต์ก็ได้ ใครที่เป็นสายเฮลตี้ที่นี่ก็มีเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพแบบสกัดเย็น รวมถึงชาต้มร้อนๆ บริการอีกเช่นกัน
ทางเรานั้นเอ็นจอยพาสทรีมาก อร่อยทุกอย่างโดยเฉพาะ Pain au Chocolat
ส่วนใครที่เป็นชีสเลิฟเวอร์ก็ยิ้มได้ เพราะที่นี่มี So Deli-cious ห้องสำหรับจัดเก็บชีสและโคลด์คัตคุณภาพดีที่สุดจากทั่วโลก
หลังเติมพลังจนท้องตึงแล้วก็ต้องย่อยด้วยกิจกรรมแรก ซึ่งก็คือการเรียนนวด ใครจะรู้ว่าการไปนอนให้เขานวดสบายๆ นั้นเอาเข้าจริงแล้วคนนวดไม่ได้สบายเลย เพราะต้องรู้เรื่องกล้ามเนื้อและกระดูกเป็นอย่างดี แถมยังต้องใช้เทคนิคออกแรงให้ถูกเพื่อไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บอีกด้วย ถือเป็นการเรียนนวดแบบพื้นฐานที่นำไปใช้ในชีวิตจริงได้ดีทีเดียว
โปรแกรมต่อไปคือการออกเดินทางสู่น้ำตกคลองเจ้า ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดบนเกาะกูด ทริปนี้เป็นโปรแกรมที่โรงแรมมีให้บริการแก่แขกผู้เข้าพัก โดยจะนั่งรถแบบ Shared Ride ไปด้วยกันทั้งกรุ๊ปหรือแบบไพรเวตก็ได้
แม้การเดินทางสู่น้ำตกจะเต็มไปด้วยความลุ้นระทึก และต้องอาศัยสกิลตีนตุ๊กแกจิกเกาะหินไว้ให้แน่นในทุกก้าวที่เดิน ผนวกกับการเกร็งท้องสู้เพื่อการทรงตัวมากแค่ไหนก็คุ้ม! เพราะน้ำตกสวยมาก น้ำเย็นฉ่ำ กระโจนลงน้ำแล้วไปนั่งให้น้ำตกนวดหลังเป็นอะไรที่ฟินหายเหนื่อย
หลังผ่านการผจญภัยขั้นสุดมาแล้วก็แวะกลับรีสอร์ตแล้วไปเติมพลังกับมื้อเที่ยงที่ South Beach สไตล์อาหารของที่นี่จะมีทั้งซีฟู้ด, บาร์บีคิว, เบอร์เกอร์, แซนด์วิช รวมถึงข้าวเหนียว ส้มตำ และไก่ย่าง ถือเป็นการกินข้าวริมทะเลที่ค่อนข้างฟีลกู๊ดเลยทีเดียว
อย่างที่บอกว่า Soneva Kiri เน้นให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน ที่นี่เลยมี Eco Centro ศูนย์ด้านความยั่งยืนที่มีทั้งโซนรีไซเคิลเพื่อเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นของมีค่า สวนผักออร์แกนิก และบ่อบำบัดน้ำ
ฟาร์มน้องไก่ที่จะออกไข่ได้ราว 52 ฟองต่อวัน ใครจะเข้าไปก็อาจจะต้องมีวิชาตัวเบาหลบน้องไก่หน่อย เพราะน้องจะค่อนข้างให้ความสนใจเราเป็นอย่างมาก และก็เดาใจไม่ถูกว่าการที่น้องจิกนั้นเป็นการแสดงออกทางความรักในรูปแบบหนึ่งหรือเปล่า
ในส่วนของน้ำดื่ม ทางรีสอร์ตก็ยังเป็นผู้ผลิตเอง และให้ความสำคัญกับรสชาติโดยการเปิดเพลงคลาสสิกให้น้ำฟัง คุณอ่านไม่ผิดหรอก รีสอร์ตแชร์ให้เราฟังว่าเรื่องของโมเลกุลน้ำนั้นมีผลกับรสชาติด้วย ส่วนตัวเราค่อนข้างชอบน้ำสปาร์กลิงที่บริการในห้องพัก รสชาติดีและสดชื่นสุดๆ
และแล้วก็เดินทางมาถึงมื้อเย็น เราจะได้ลิ้มรสชาติความอร่อยตำรับไทยดั้งเดิมกันที่ ครัวแม่ตุ๊ก (Krua Mae Tuk) ซึ่งความพิเศษคือเราจะเดินทางด้วยสปีดโบ๊ตจากรีสอร์ตไป ใครอยากสนุกเร้าใจแนะนำให้นั่งหน้าเรือ และแนะนำว่าคุณผู้หญิงควรจะมัดผมให้เรียบร้อย พร้อมหลีกเลี่ยงการทาลิปกลอส
ตัวร้านอาหารตั้งอยู่กลางป่าโกงกางที่สมบูรณ์ล้อมรอบน้ำตกคลองยายกี๋ นอกจากสถานที่ร้านจะเก๋แล้ว คอนเซปต์ร้านก็ยังเก๋เช่นกัน
ที่นี่ ‘ไม่มีเมนู’ อาหารทุกอย่างจะถูกนำเสนอตามอารมณ์ของเชฟตุ๊กล้วนๆ
ตั้งแต่ต้นจนจบเราหยุดพูดคำว่าอร่อยไม่ได้ อร่อยทุกเมนูจริงๆ วัตถุดิบที่ใช้ล้วนผลิตบนเกาะกูดหรือเกาะช้างใกล้เคียง ในส่วนของอาหารทะเลก็ได้มาจากชาวประมงท้องถิ่นในแต่ละวัน
ก่อนจะซ่อนตาดำคืนนี้ เราแวะมาดูหนังกันก่อนที่ Cinema Paradiso จอภาพยนตร์ขนาดใหญ่กลางแจ้งภายในรีสอร์ตที่ให้ไวบ์สุดคลาสสิกใต้แสงดาว
ที่นี่ฉายภาพยนตร์ฟรี 3 คืนต่อสัปดาห์ และฉายภาพยนตร์ส่วนตัว 4 คืนต่อสัปดาห์ ใครยังไหวก็สามารถสั่งป๊อปคอร์นและดริงก์บริเวณบาร์มาเพิ่มความบันเทิงระหว่างชมได้
และแล้วก็เข้าสู่วันสุดท้าย หลังจากอิ่มเอมอาหารเช้าแล้วเราก็แวะมาฮีลกายฮีลใจกับ Singing Bowl Meditation ที่ Yoga Pavillion เทอราปิสต์จะสาธิตการสร้างคลื่นเสียงจากขันทิเบตด้วยการใช้ไม้วนรอบขันที่ใส่น้ำ ยิ่งเสียงดังก้องกังวานเท่าไร น้ำในขันก็จะยิ่งกระเซ็นแรงยิ่งขึ้น ดูผิวเผินแล้วเหมือนจะง่าย พอลองทำเองแล้วนั้นน้ำนิ่งยิ่งกว่ากบจำศีล จากนั้นเทอราปิสต์ก็ให้เรานอนผ่อนคลายฟังเสียง Singing Bowl ไปเพลินๆ
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน Soneva Kiri คือ Treepod Dining การนั่งกระเช้าปิกนิกในอากาศ ซึ่งให้บรรยากาศที่โรแมนติกจริงๆ เพราะตัวกระเช้าจะถูกส่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้เราซึมซับวิวเกาะกูดได้แบบพาโนรามา ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มจะถูกส่งมาเสิร์ฟด้วยพนักงานทางซิปไลน์ เรียกว่าเหมาะกับสายคอนเทนต์สุดๆ
Worth it
- Barefoot Luxury เป็นประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้จริงๆ เป็นการคอนเน็กกับธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกพิเศษจนอยากกลับไปสัมผัสอีกครั้ง
- วิลล่าใหญ่เหลือเฟือมีทุกอย่างครบ ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ให้ไวบ์ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับการมาพักผ่อน
- อาหารและเครื่องดื่มอร่อย โดยเฉพาะพาสทรีและอาหารไทยของครัวแม่ตุ๊กที่ยังทำให้คิดถึงจนทุกวันนี้
- Treepod Dining ประสบการณ์ปิกนิกกลางอากาศที่สายคอนเทนต์ตัวจริงต้องปลื้ม
- เซอร์วิสยอดเยี่ยม ทีม Soneva Kiri ทุกคนเป็นมิตร ให้บริการเป็นเลิศไร้ที่ติ
Good for
คู่รัก เพื่อน ครอบครัว หรือสายลุยเดี่ยวที่อยากคอนเน็กกับธรรมชาติแบบลักชัวรี ดื่มด่ำกับความ Slow Life ในเกาะที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว Soneva Kiri คือจุดหมายปลายทางที่ควรแวะมาสัมผัสให้ได้สักครั้ง เราเชื่อว่าที่นี่จะมอบความอบอุ่นในใจ และความทรงจำดีๆ แก่ผู้ที่ได้มาเยือนอย่างแน่นอน
ภาพ: วริศรา ลิ้มอนันตระกูล, Soneva Kiri
Soneva Kiri
Address: 110 หมู่ 4 ตำบลเกาะกูด อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด
Budget:
- Package: Back to Nature Plus Offer
แพ็กเกจพิเศษสำหรับคนไทย เริ่มต้นที่ 105,000 บาทต่อ 3 วัน 2 คืน สำหรับ 2 ท่าน (รวม Half Board Dining, Barefoot Guardian Service, เที่ยวบินไป-กลับจากกรุงเทพฯ)
Tel: 08 2208 8888
Website: https://soneva.com/
Instagram: https://www.instagram.com/soneva/
Facebook: https://www.facebook.com/discoversoneva
Map: https://maps.app.goo.gl/2564YnVGWgwTYioM7