×

Nothing Ear (open) หูฟังดีไซน์สวย ผสานนวัตกรรมล้ำสมัย

03.11.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Nothing Ear (open) คือการออกแบบ Open-Ear เทคโนโลยี Open Sound ซึ่งหมายความว่าตัวหูฟังจะไม่ได้ใส่เข้าไปในรูหู แต่จะวางอยู่ด้านนอก ทำให้คุณยังคงได้ยินเสียงจากคนรอบข้างในขณะที่ฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ เหมาะกับสถานการณ์ที่เราต้องการความปลอดภัยและการตื่นตัว

ในโลกที่หูฟังไร้สายมีความหลากหลาย การมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีจุดเด่นแตกต่างอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่สำหรับ Nothing Ear (open) แล้วเรามองว่าแบรนด์นี้สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน สิ่งที่ชัดเจนมากที่สุดคือการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ด้วยดีไซน์ใสที่มองเห็นเครื่องด้านใน ซึ่งน่าจะเป็นแบรนด์เดียวในโลกที่มีดีไซน์นี้ นอกจากนั้นเรื่องของความสามารถและคุณภาพเสียงก็น่าสนใจไม่น้อย ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของคนที่มองหาหูฟัง Open-Ear ได้ดีทีเดียว

 

 

หูฟัง Open-Ear ที่คิดค้นใหม่

 

อย่างที่บอกว่าหนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Nothing Ear (open) คือการออกแบบ Open-Ear เทคโนโลยี Open Sound ซึ่งหมายความว่าตัวหูฟังจะไม่ได้ใส่เข้าไปในรูหู แต่จะวางอยู่ด้านนอก ทำให้คุณยังคงได้ยินเสียงจากคนรอบข้างในขณะที่ฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ เหมาะกับสถานการณ์ที่เราต้องการความปลอดภัยและการตื่นตัว เช่น การปั่นจักรยาน การวิ่ง หรือแม้แต่การเดินตามถนนหนทางของกรุงเทพฯ อีกทั้ง Nothing Ear (open) ยังสวมใส่สบายในระยะยาว เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องแรงกด หรือการรัดหูเหมือนหูฟังแบบ In-Ear หรือ Over-Ear

 

สิ่งที่แตกต่างจากหูฟังแบรนด์อื่นคือ การออกแบบแบบเปิดนี้มาพร้อมกับระบบ Sound Seal และลำโพงทิศทางเฉพาะ เพื่อช่วยลดการรั่วไหลของเสียงและทำให้คุณได้ยินเพลงชัดเจน แต่คนรอบข้างจะไม่ได้ยินเท่าไรนักซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของหูฟังรุ่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับหูฟังแบบ In-Ear หรือ Over-Ear ที่มักจะทำให้เสียงรั่วไหลออกมามากกว่า

 

 

คุณภาพเสียงที่มีความละเอียดและสมดุล

 

คุณภาพเสียงของหูฟังผ่านไดอะแฟรมซึ่งทำให้เกิดเสียงจากการสั่นสะเทือนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ และอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร การออกแบบที่เคลือบด้วยไทเทเนียมประกอบกับไดรเวอร์หรือตัวกำเนิดเสียงน้ำหนักเบาพิเศษ พร้อมการออกแบบแบบขั้นบันได ด้วยรูปทรงของหูฟังที่ออกแบบมาโดยเฉพาะจะช่วยลดการบิดเบือนของเสียง และเพิ่มประสิทธิภาพในย่านความถี่ต่ำไทเทเนียมที่ใช้เคลือบนั้นก็ช่วยทำให้มีเสียงสูงที่คมชัด

 

ส่วนประกอบของไดรเวอร์ที่มีน้ำหนักเบากว่าหูฟังทั่วไปเกือบ 30% นั้นก็ส่งเสริมการทำงานของเสียงกลางและเสียงสูง มีอัลกอริทึมที่เพิ่มประสิทธิภาพของเบสอัตโนมัติและช่วยปรับความถี่ต่ำ เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงเบสที่ลึกและเข้มข้นยิ่งขึ้น

 

ทำงานร่วมกับ AI

 

 

Nothing Ear (open) ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน Nothing X ที่สามารถปรับแต่งเสียงได้ตามต้องการ ตั้งแต่การปรับเบส เทรเบิล และรายละเอียดเสียงต่างๆ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมิติใหม่ให้กับการใช้งาน นอกจากนี้หูฟังยังมีฟีเจอร์เด่นคือการเชื่อมต่อกับ ChatGPT ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้เราสามารถสั่งการด้วยเสียงเพื่อสอบถามข้อมูล หรือช่วยงานบางอย่างได้ ถือเป็นการผสมผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับอุปกรณ์เสริมอย่างลงตัว

 

บทสรุปจากประสบการณ์ใช้จริง

 

 

เมื่อลองใช้งาน Nothing Ear (open) เป็นเวลาหลายวัน สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าหูฟังนี้ต่างจากเจ้าอื่นๆ คือ ดีไซน์ที่สวยล้ำสมัย แตกต่างจากค่ายอื่นๆ อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาเพียง 8.1 กรัมต่อข้าง ส่วนเคสโปร่งใสบาง 19 มิลลิเมตร แม้จะยาวกว่าหูฟังเจ้าอื่นๆ แต่ก็ยังถือว่าพกพาง่าย ใช้งานแล้วเบาจนแทบไม่รู้สึกว่ามีมันอยู่ในหูเลย แต่ติดตรงที่ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ซึ่งไม่ตอบโจทย์ในบางสถานการณ์ที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น การทำงานในคาเฟ่ บนเครื่องบิน หรือในออฟฟิศที่เสียงดังๆ

 

นอกจากนี้ยังใช้งานได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง และสูงสุดถึง 30 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ หรือชาร์จด่วน 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้นาน 2 ชั่วโมง

 

 

คุณภาพเสียงถือว่าสอบผ่านโดยเฉพาะเสียงเบสที่แน่น หลังจากลองใช้ขณะออกกำลังกาย ข้อดีคือมันทำให้เราได้ยินเสียงรอบข้างด้วย ปลอดภัยดี ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีใครเรียกหรือมีอะไรอันตรายหรือไม่ แต่ไม่แน่ใจในเรื่องการกันน้ำและเหงื่อ เพราะหากต้องใช้ขณะทำกิจกรรมที่เหงื่อออกมากๆ เป็นเวลานาน อย่างการวิ่ง หรือออกกำลังกายขณะฝนตกพรำๆ จะเป็นอย่างไร 

 

หูฟัง Nothing Ear (open) ราคา 5,599 บาท ขายแล้วที่ CARNIVAL สาขาสยามสแควร์ ซอย 7 และตัวแทนจำหน่ายทั่วไป

 

ภาพ: Nothing

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X