เราต่างมี เพื่อน อยู่คนหนึ่ง (หรือหลายคนก็ได้) ที่มักจะชอบส่ง ‘มีมแมว’ ‘มีมตลก’ ‘มีมซึ้งๆ’ มาให้เราได้ทุกวี่ทุกวันโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แล้วที่พีคคือเขาไม่สนด้วยนะว่าเราจะอ่าน จะเปิดดู หรือจะตอบกลับหรือไม่? ประหนึ่งว่า “แค่ฉันได้ส่งมีมมาให้แก ฉันก็มีความสุขแล้ว” แล้วอย่าเพิ่งรำคาญไปเลยนะ เพราะนี่คือ Pebble Effect หรือการแสดงความรักแบบเพนกวิน แนวคิดหรือคอนเซปต์นี้มาจากพฤติกรรมของเพนกวินที่มักจะคาบก้อนหินเล็กๆ หรือก้อนกรวดมาให้คู่ของมันเพื่อแสดงความรัก แม้จะดูเรียบง่าย แต่การกระทำนี้แฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งมากทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีการเปรียบ Pebble Effect หรือการ Pebbling ว่าเหมือนกับการที่เราโยนก้อนหินเล็กๆ ลงในน้ำ มันจะก่อให้เกิดระลอกคลื่นที่แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างไกล เช่นเดียวกับการกระทำของเรา แม้จะดูเล็กน้อย แต่อาจส่งผลกระทบต่อผู้อื่นในวงกว้างโดยที่เราคาดไม่ถึง
เข้าใจนะว่าในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความเร่งรีบแบบนี้ บางครั้งเราอาจมองข้ามความสำคัญของการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่คนรอบข้างมอบให้เรา แต่รู้หรือไม่ว่ามีม สติกเกอร์ LINE หรือวิดีโอสั้นๆ ที่เพื่อนหรือครอบครัวส่งมาให้เราทุกวัน อาจเป็นการแสดงความรักที่ลึกซึ้งกว่าที่เราคิด แม้เราจะไม่ใช่เพนกวิน แต่เราก็สามารถ Pebbling ได้เช่นกัน และในยุคดิจิทัลแบบนี้ก็ทำได้ง่ายๆ การส่งมีม สติกเกอร์ วิดีโอขำๆ หรือข้อความสั้นๆ ก็เปรียบเสมือนการมอบ ‘ก้อนหินเล็กๆ’ แห่งความรักให้กับคนที่เรานึกถึงในเวลานั้น
ไม่ใช่แค่มีมเท่านั้นนะ แต่หลายคนอาจเคยเจอสติกเกอร์ ‘สวัสดีวันจันทร์’ ของบรรดาคุณป้า คุณแม่ กันอยู่บ่อยๆ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการ Pebbling แต่ก่อนเราอาจรู้สึกรำคาญ แต่ลองมองในมุมใหม่ นี่คือวิธีที่พวกเขาแสดงความรักและความห่วงใยต่อเรา แม้จะดูล้าสมัยในสายตาคนรุ่นใหม่ แต่เบื้องหลังคือความปรารถนาดีอย่างแท้จริงเลยละ ดังนั้นเราควรให้คุณค่ากับการ Pebbling กันให้มากขึ้น ลองคิดมุมบวกว่า ทุกครั้งที่มีคนส่งอะไรมาให้เรา นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังนึกถึงเรา แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การทำอย่างสม่ำเสมอแสดงถึงความตั้งใจที่จะกระชับความแน่นแฟ้นในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยๆ เหมือนเดิม และมองว่านี่คือการแบ่งปันความสุข บ่อยครั้งที่สิ่งที่พวกเขาส่งมามักเป็นเรื่องสนุกหรือให้กำลังใจ ซึ่งอาจช่วยเติมเต็มวันธรรมดาให้สดใสขึ้น หรืออาจสร้างรอยยิ้มให้กับใครสักคนได้มากกว่าที่คุณคิด
