×

‘มาเก๊า’ เมืองที่ทำให้คุณเข้าใจความหมายของการ ‘พักกาย ฮีลใจ’ อย่างแท้จริง [PR News]

โดย THE STANDARD LIFE
12.12.2025
  • LOADING...

‘มาเก๊า’ ในภาพจำของนักเดินทางยุคนี้ ไม่ได้มีแค่ ทาร์ตไข่ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล และสถาปัตยกรรมไชนีส-โปรตุเกส เท่านั้น แต่ยังมอง มาเก๊า เป็นหมุดหมายที่เหมาะจะใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ไปกับการพักผ่อนหย่อนใจ เพราะเมืองเล็กๆ แต่อบอวลไปด้วยมนต์ขลัง เป็นที่ตั้งของย่านฮิปสุดน่ารัก ที่รายล้อมด้วยอาคารสีพาสเทล สตรีทอาร์ต และโรงแรมหรู ที่ครบครันไปด้วยห้องอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง สิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมหลากชนิดที่ช่วยบูสต์แรงกาย ฮีลพลังใจ และกระตุ้นความรู้สึกที่ไร้เอเนอร์จี้ ให้กลับมาสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้อีกครั้ง 

 

ใครกำลังวางแผนพักกาย ฮีลใจ ช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ก็อปแพลนนี้แล้วเที่ยวตามได้เลย

 

 

ดื่มด่ำประวัติศาสตร์ในเขตเมืองเก่าและตะลอนย่านฮิป

 

เริ่มทริปด้วยการออกสำรวจเมืองกันที่ ‘จัตุรัสเซนาโด’ แลนด์มาร์กยอดฮิตที่เต็มไปด้วยร่องรอยประวัติศาสตร์น่าค้นหาและสถาปัตยกรรมที่งดงาม อย่างอาคารไปรษณีย์กลางทรงคลาสสิกสูง 3 ชั้น อายุเกือบ 100 ปี หรือ ตึก Leal Senado Building ตึกสไตล์บาโรก อายุกว่า 400 ปี ภายในรวบรวมหนังสือโบราณ และมีหอศิลปะที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสไตล์โปรตุเกส รวมถึงสวนสไตล์นีโอคลาสสิกอยู่ด้านใน

 

 

เดินผ่านจัตุรัสเซนาโดลึกเข้าไป ก็จะเจอกับจัตุรัสเซนต์โดมินิก ความสง่างามของสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกผสมศิลปะท้องถิ่นมาเก๊าของโบสถ์เซนต์โดมินิกสวยสะกดจนหยุดรัวชัตเตอร์ไม่ได้ ด้านข้างของศาสนสถานสีเหลืองสดใสแห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุและงานศิลปะอันล้ำค่าของชาวคาทอลิกมาเก๊ากว่า 300 ชิ้นจัดแสดงให้ชมด้วย

 

 

ไต่เนินขึ้นไปเรื่อย ๆ จะพบกับ ‘ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล’ สัญลักษณ์สุดไอคอนิกของมาเก๊าปรากฏอยู่ตรงหน้า ดื่มด่ำความวิจิตรตระการตาของมรดกโลกสุดมหัศจรรย์นี้ให้เต็มอิ่ม แล้วค่อยย้ายไปยัง Travessa da Paixão หรือรู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวว่า Love Lane เพื่อสัมผัสอีกมุมมองของซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลที่แฝงความน่ารักของตึกสีเหลืองและชมพูพาสเทลในตรอกเล็ก ๆ นี้

 

 

ออกจากเขตเมืองเก่าบนคาบสมุทรมาเก๊าไปยัง ‘Taipa Village’ ย่านเก่าแก่ที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ที่หลอมรวมกันระหว่างความเก่าแก่ของอาคารสีพาสเทล ตัดกันได้อย่างลงตัวกับสีสันสดใสของสตรีทอาร์ต แนะนำให้เริ่มสำรวจย่านนี้กันที่ ‘Taipa Houses Museum’ บ้านโคโลเนียลสไตล์โปรตุเกสที่เรียงต่อกัน 5 หลัง คืออดีตบ้านพักของข้าราชการระดับสูงบนเกาะไทปาที่ปัจจุบันกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้เรียนรู้ความเป็นอยู่ของคนมาเก๊าในอดีต ภายในมีห้องจัดแสดงนิทรรศการ และกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรม รวมถึงร้านขายของที่ระลึก แต่หากอยากเข้าใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกาะนี้ยิ่งขึ้นไปอีก สามารถไปศึกษาเรื่องราวแบบเจาะลึกต่อได้ที่พิพิธภัณท์ประวัติศาสตร์ไทปาและโคโลอาน

 

 

อย่าลืมไปเช็กอินที่ตรอก Calçada do Quartel แหล่งรวมกราฟฟิตี้และงานศิลปะบนผนัง แล้วจบการเดินทางด้วยการข้ามถนนไปชิมสตรีทฟู้ดที่ ‘Taipa Food Street’ อย่าได้พลาดทาร์ตไข่ชื่อดังของร้าน Lord Stow’s Bakery เครื่องในวัวตุ๋นร้าน Lao Day Beef Offal และพอร์กช็อปบันร้าน Sei Kee Café 

 

 

โรงแรมหรูชวนผ่อนคลายในกลิ่นอายตะวันออกผสมตะวันตก

 

อย่างที่บอกว่าตอนนี้ ‘มาเก๊า’ กลายเป็นหมุดหมายที่เหมาะแก่การพักผ่อน โรงแรมหรูหรามากมายจึงพากันจัดเต็มความสะดวกสบายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว 

 

และหนึ่งในโรงแรมที่ขึ้นท็อปลิสต์สำหรับนักท่องเที่ยวก็คือ ‘Grand Lisboa Palace Macau’ ซึ่งอยู่ในเครือโรงแรม ‘Grand Lisboa Palace Resort Macau’ โดยอีก 2 แห่งคือ THE KARL LAGERFELD และ Palazzo Versace Macau เห็นว่าเพิ่งคว้า 2 กุญแจมิชลินไปครองด้วย 

 

เหตุผลแรกที่ ‘Grand Lisboa Palace Macau’ มักอยู่ในท็อปลิสต์ที่พักที่นักท่องเที่ยวเลือก คงเป็นเพราะความสวยอลังของสถาปัตยกรรมที่เหมือนหลุดเข้าไปในยุคนีโอคลาสสิกและยุค Belle Époque แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นมังกร นกฟินิกซ์จีน และดอกบัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์มงคลของจีนสอดแทรกไว้อย่างแยบยล สะท้อนการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของโลกตะวันออกและโลกตะวันตกบนดินแดนมาเก๊าได้เป็นอย่างดี

 

 

เหตุผลต่อมาคงเป็นเรื่องการตกแต่งภายในห้องพักสไตล์ ‘Chinoiserie’ เรียบหรู ร่วมสมัย แต่ก็ยังให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตาผ่านโทนสีที่ดูอบอุ่น เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งยังผสมผสานระหว่างมนต์เสน่ห์แบบจีนกับสุนทรียศาสตร์แบบยุโรปได้อย่างกลมกลืน

 

หน้าต่างบานใหญ่ดีไซน์ไว้เพื่อให้เราได้ชื่นชมวิวเมืองย่านโคไทหรือวิว Jardim Secreto สวนยุโรปใจกลางรีสอร์ตที่สวยงามล้อกับแสงธรรมชาติในตอนกลางวันและดึงดูดสายตาด้วยแสงไฟหลากสีในยามค่ำคืนได้อย่างเต็มอิ่ม

 

 

อีกหนึ่งความพิเศษของ Grand Lisboa Palace Macau คือคอลเลกชันงานศิลปะที่จัดแสดงไว้ตลอดโถงล็อบบี้ฝั่งตะวันออก ตะวันตก และเหนือ เสมือนแกลลอรีที่พาเราออกไปท่องโลกกว้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านมุมมองการตีความหลากมิติและเทคนิคงานอาร์ตหลายแขนงจากศิลปินมากความสามารถ

 

 

หลากกิจกรรมเติมพลังกาย ฮีลพลังใจ ให้กลับมาสดชื่น

 

แม้เตียงนอนในห้องพักของ Grand Lisboa Palace Macau จะนุ่มสบายจนไม่อยากลุก แต่คงเสียดายแย่ถ้าไม่ได้ไปสูดโอโซนในสวน Jardim Secreto สไตล์บาโรกโดยมีตัวอาคารของโรงแรมโอบล้อม 

 

กลางสวนมีโดมยักษ์ตั้งตระหง่าน โดดเด่นด้วยลวดลายดอกไม้นานาชนิด จะถ่ายรูปเล่น หรือเดินชิลปล่อยกายปล่อยใจ รับอากาศสดชื่นก็ได้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลคริสต์มาส สวนแห่งนี้จะถูกเนรมิตให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสุข โดยมี Sam the Rooster มาสคอตประจำรีสอร์ตในธีมเทศกาลแห่งความสุขคอยต้อนรับทุกคน

 

 

อีกหนึ่งกิจกรรมผ่อนคลายถูกจัดเตรียมไว้ที่ ‘The Spa at Grand Lisboa Palace’ แค่ก้าวแรกที่ผ่านประตูเข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงความสงบและผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมของอะโรมา ท่ามกลางบรรยากาศโอ่อ่าสไตล์บาโรกผสมจีน รับรองว่าคุณจะได้รับการปรนนิบัติอย่างดีจากสปาเทอราพิสต์ผู้เชี่ยวชาญ มาพร้อมคอร์สสปาที่ช่วยปรับสมดุลร่างกายและจิตใจแบบองค์รวม ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับเทคนิคสมัยใหม่ ใช้โปรดักต์คุณภาพสูงจากแบรนด์ Subtle Energies 

 

นอกจากนี้ยังมีการบำบัดด้วยขันเสียงเพื่อฟื้นฟูพลังกายและคลายอารมณ์ ไปจนถึงทรีตเมนต์เพิ่มความเปล่งปลั่งให้แก่ผิวพรรณด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์สกินแคร์จากฝรั่งเศสอย่าง Biologique Recherche

 

 

สำหรับสายแอ็กทีฟที่ต้องการออกแรง ‘The Health Club at Grand Lisboa Palace Macau’ มีสระว่ายน้ำในร่มขนาด 25 เมตร มาพร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิของน้ำ นอกจากนี้ยังมียิมเอาใจสายเวทเทรนนิง คนพลังเยอะที่อยากคาร์ดิโอ หรือโยคะสำหรับสายชิลล์ 

 

 

จิบน้ำชายามบ่ายธีมเทศกาลในไวบ์สุดชิค

 

การได้นั่งละเลียดจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ พร้อมลิ้มรสของหวานแสนอร่อย เป็นโมเมนท์สุดรีแลกซ์ที่ดีต่อใจไม่แพ้วิธีอื่นๆ ยิ่งถ้าใครมาเยือนมาเก๊าภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ห้ามพลาด ‘Snowkissed Noel Premium Tea Set’ เซ็ตน้ำชายามบ่ายธีมคริสต์มาสของ ‘Vivienne Westwood Café’ จัดเต็มขนมคาวหวานหลากชนิด ที่รังสรรค์ให้เข้ากับบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็นแซนด์วิชรูปต้นคริสต์มาสไส้ไก่และเชดดาร์ชีส มนุษย์ขนมปังขิงและสโคน มอคคาเรนเดียร์ สปันจ์เค้กต้นคริสต์มาสรสเรดเวลเวทพร้อมครีมชีสฟรอสติ้ง มาการองไส้วานิลลารูปมนุษย์หิมะ ขนมหวานรูปของตกแต่งต้นคริสต์มาสไส้มูสชามะลิและครีมพิสตาชิโอ และยังมีเมนูอื่น ๆ อย่างขนมพัฟท็อปด้วยเนื้อปูและเกรปฟรุต และโรลแซลมอนรมควันท็อปด้วยครีมยูซุและไข่ปลาแซลมอน จับคู่กับชาหรือกาแฟจากตัวเลือกที่มีมากมายได้ตามใจชอบ พร้อมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศเรียบหรูของคาเฟ่ที่แฝงด้วยสไตล์สุดจี๊ดของ วิเวียน เวสต์วูด 

 

แหล่งรวมอาหารนานาชาติที่คัดสรรมาแล้วว่าไม่ควรพลาด

 

สำหรับนักเดินทางที่สนุกกับการลิ้มลองและลิ้มรสอาหาร ‘Grand Lisboa Palace Resort Macau’ คือสวรรค์ เพราะที่นี่รวมร้านหลากหลายเชื้อชาติจนแทบไม่ต้องออกไปตระเวนชิมที่ไหน 

 

มุมมองกว้างของเมืองมาเก๊าที่เห็นอาคารสีสันสดใส

 

เริ่มมื้อเช้าที่ ‘The Grand Buffet’ จุใจกับอาหารเช้าหลากสไตล์ ทั้งแบบตะวันตกที่คุ้นเคยหรือจะเปลี่ยนมากินอาหารเช้าแบบกวางตุ้งและมาเก๊า มีให้เลือกทั้ง โจ๊ก บะหมี่ เกี๊ยว ติ่มซำ ข้าวผัดหมูย่าง ปาท่องโก๋ ปีกไก่ตุ๋น ไส้หมูตุ๋น พอร์กช็อปบัน กินคู่กับชา กาแฟ น้ำเต้าหู้ จะนั่งรับประทานภายในห้องอาหารหรือออกไปตรงเฉลียงด้านนอกที่มีวิวเบื้องหน้าเป็นสวน Jardim Secreto ก็ได้

 

สามารถยกระดับมื้อเช้าให้พิเศษด้วยบริการ In-Room Dining: Next Day Pre-Order Breakfast สามารถกำหนดเวลาให้พนักงานขึ้นมาเสิร์ฟถึงในห้องได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 11 โมง

 

มุมมองกว้างของเมืองมาเก๊าที่เห็นอาคารสีสันสดใส

 

มาถึงถิ่นทั้งที ไม่ควรพลาดประสบการณ์อาหารกลางวันในสไตล์ ‘หยำฉ่า’ เป็นการกินติ่มซำกับชาจีนใน ‘ฉาโหลว’ หรือโรงน้ำชา ซึ่งร้านที่อยากแนะนำก็มีชื่อว่า Chalou นั่นเอง  

 

ภายใน Chalou ออกแบบให้มีกลิ่นอายของโรงน้ำชาร่วมสมัยในโทนสีส้ม น้ำตาล ทอง มีของตกแต่งที่เกี่ยวกับชาและถ้วยชาประดับบนเพดาน ยิ่งทำให้การเข้าถึงธรรมเนียมดั้งเดิมของที่นี่ดูขลังขึ้นอีกเท่าตัว โดยปกติแล้วพนักงานจะเข็นรถที่เต็มไปด้วยติ่มซำแนะนำประจำวัน จะเลือกหยิบจากรถเข็นก็ได้ หรือจะสั่งจากลิสต์เมนูปกติก็ดี จานที่ต้องลองคือขนมจีบปวยเล้งท็อปด้วยหอยเป๋าฮื้อ ฟองเต้าหู้ห่อหมูสับและเห็ดในน้ำซุป เปาทอดไส้เนื้อวากิวพริกไทยดำ แป้งข้าวสีแดงห่อกุ้งกรอบและซีฟู้ด หอยเป๋าฮื้อหั่นบางหมักในซอสพริกเสฉวน และหมูแดงอบน้ำผึ้งสูตรลับของร้าน

 

ส่วนชาของที่นี่มีให้เลือก 16 ชนิด เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ต้อง ‘ชานมกุหลาบ’ แบบร้อนหรือเย็นก็ได้ หรือไม่ก็ ‘ชาผู่เอ๋อร์เก๊กฮวยร้อน’ กลิ่นหอมชัดและตัดกับรสชาติของอาหารได้ยอดเยี่ยม

 

มุมมองกว้างของเมืองมาเก๊าที่เห็นอาคารสีสันสดใส

 

แต่ถ้าเมื่อไรต่อมรับรสเริ่มโหยหาอาหารไทย ตรงไปที่ ‘Bamboo Hut’ มีให้เลือกทั้งอาหารไทย เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และตุรกี ลองสั่ง คอหมูย่าง ใบพลูทอดกรอบกินคู่กับพล่ากุ้ง น้ำยำรสเด็ดเข้ากันกับความกรอบนัวของตัวใบพลูและความเด้งหนึบของเนื้อกุ้ง หรือจะลองชิม ลาบหมู แม้จะไม่จัดจ้านถึงเครื่องสไตล์คนไทยแต่ก็ช่วยคลายคิดถึงอาหารไทยได้บ้าง ส่วนของหวานอยากให้ลอง ‘บัคลาวาเย็นใส่นมกับถั่วพิสตาชิโอ’ เมนูคลายร้อนของตุรกีที่ไม่หวานแหลม เหมาะกินล้างปากปิดท้ายมื้อ

 

เชื่อหรือยังว่า มาเก๊า เหมาะจะเป็นจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการใช้เวลาพักผ่อนสั้นๆ ผ่านกิจกรรมชิล ๆ ไม่เร่งรีบ ท่ามกลางสถานที่และสถาปัตยกรรมสวยอลัง แถมยังครบเครื่องทั้งกิน ดื่ม เที่ยว กิจกรรมรีแลกซ์กายใจ ว่ากันว่า ถ้าได้ลองมาสักครั้งจะฟินจนต้องตีตั๋วกลับไปซ้ำอย่างแน่นอน!

 

อ่านรายละเอียดข้อมูลโรงแรมเพิ่มเติม ได้ที่ www.grandlisboapalace.com 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising