เคยสังเกตไหมว่า เมื่ออยู่ใกล้เพื่อนบางคนที่เขาจิตใจ มายด์เซ็ตดี และมีพลังบวก เราจะรู้สึกมีพลังและมีความสุขมากขึ้นตามไปด้วย หรือบางครั้งเมื่ออยู่ใกล้เพื่อนที่เอาแต่ซึมเศร้า มีแต่เรื่องบ่นระบายหรือนินทาคนอื่นกรอกหูเราตลอดเวลา เราก็เริ่มรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังตามไปด้วยเหมือนกัน นี่ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของคุณคนเดียว แต่เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ เรียกว่าการแพร่กระจายของความสุข (Happiness Contagion)
อิทธิพลเชิงบวกของความสุขที่สามารถแพร่กระจายได้ในหมู่ผู้คน เป็นสิ่งที่นักวิจัยได้ศึกษาและพิสูจน์มาอย่างยาวนาน ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน British Medical Journal ระบุชัดเจนว่า การใช้เวลาร่วมกับคนที่มีความสุขสามารถเพิ่มความสุขให้เราได้มากถึง 15% การศึกษาโดยนักวิจัยจาก Harvard Medical School และ University of California, San Diego พบว่าความสุขสามารถ ‘ติดต่อ’ กันได้
จึงเป็นเหตุผลที่เราควรเลือกอยู่ใกล้ๆ คนที่มีความสุข และสามารถสร้างแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้เราได้ การมีเพื่อนดีๆ ที่มีพลังบวกเยอะๆ จะช่วยเติมเต็มและส่งต่อความสุขได้อย่างเป็นธรรมชาติ นี่เป็นกลยุทธ์ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับว่าการให้ความสำคัญกับการเลือกอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยพลังบวก ช่วยยกระดับความสุขและคุณภาพชีวิตของเราได้จริง
ความสุขติดต่อกันได้จริงๆ นะ
จากการศึกษาของนักวิจัยชื่อดัง Harvard Medical School และ University of California, San Diego พบว่าความสุขไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่มันแพร่กระจายไปทั่วกลุ่มเพื่อนได้เหมือนกับไวรัส แต่เป็นไวรัสดีๆ นะ เมื่อคุณอยู่ใกล้เพื่อนสนิทที่มีความสุข โอกาสที่คุณจะมีความสุขตามเพิ่มขึ้น 25% ถ้าเพื่อนคนนั้นอยู่ใกล้คุณมากๆ ในรัศมี 1.6 กิโลเมตร และเป็นเพื่อนสนิทจริงๆ โอกาสที่ความสุขจะมีมากขึ้น สามารถจะพุ่งขึ้นไปได้ถึง 63% เลยทีเดียว แม้แต่เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันก็มีอิทธิพลถึง 34% เช่นกัน
เอฟเฟกต์ลูกโซ่ที่คาดไม่ถึง
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือความสุขแพร่กระจายได้ไกลถึง 3 ระดับ ระดับที่ 1 เพื่อนของคุณมีความสุข คุณมีโอกาสมีความสุข 25% ระดับที่ 2 เพื่อนของเพื่อนมีความสุข คุณมีโอกาสมีความสุข 10% ระดับที่ 3 เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน คนที่คุณอาจไม่เคยเจอ มีความสุข คุณยังมีโอกาสมีความสุข 5.6% ยิ่งน่าทึ่งกว่านั้น เอฟเฟ็กต์นี้อยู่ได้นานถึง 1 ปี เลยนะ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
เพราะความสุขซึมต่อกันได้ผ่าน 2 วิธี วิธีแรกคือการติดต่อทางอารมณ์ (Emotional Contagion) สมองเรามีระบบ ‘เซลล์กระจก’ (Mirror Neuron) ที่ทำให้เราเลียนแบบอารมณ์คนอื่นโดยอัตโนมัติ เมื่อเพื่อนยิ้ม กล้ามเนื้อใบหน้าเราก็จะขยับตาม แล้วสมองก็จะส่งสัญญาณให้เรารู้สึกดีตาม สังเกตง่ายๆ เวลาเราดูคลิปเพื่อนหัวเราะ เราจะเผลอหัวเราะตามโดยอัตโนมัติ วิธีที่สองคือการติดต่อทางพฤติกรรม (Behavioral Contagion) เพื่อนที่มีความสุขมักจะชวนเราออกไปเที่ยวบ่อยขึ้น มีพลังในการทำกิจกรรมสนุกๆ มองโลกในแง่ดี และส่งผลให้เราคิดบวกตาม ทำสิ่งที่น่าสนใจ ทำให้เราอยากลองทำบ้าง
เลือกเพื่อนหรือคนอยู่ใกล้ให้ดี ชีวิตเปลี่ยนได้
เห็นได้ชัดว่าการเลือกคบกับคนที่มีความสุข เป็นมิตร และมองโลกในแง่ดี มีพลังในการทำสิ่งใหม่ๆ ปรบมือเมื่อคุณประสบความสำเร็จ ใฝ่ฝันและทำตามความฝัน จะส่งผลดีต่อเรา ในทางตรงกันข้าม เราควรหลีกเลี่ยงคนที่บ่น หรือทำตัวเครียดอยู่ตลอดเวลา เพราะอารมณ์ด้านลบจะซึมและแพร่กระจายมาถึงคุณได้เช่นกัน อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคนรอบข้างสามารถมีอิทธิพลและเป็นตัวกำหนดระดับความสุขของเราได้ถึง 25-63% ดังนั้นหากเราอยากมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น หัวเราะบ่อยขึ้น และมองโลกแง่ดีขึ้น ก็อย่าไปมองหาความสุขในสิ่งของหรือเงินทองเพียงอย่างเดียว แต่จงเริ่มจากการเลือกอยู่ท่ามกลางคนที่มีพลังบวกและความสุข เพราะความสุขนั้นซึมต่อกันได้