ถ้าให้สรุปเกี่ยวกับเทรนด์สกินแคร์ตลอดปี 2024 ต้องบอกว่าค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แม้ที่ผ่านมาจะมีกระแสของครีมฟื้นฟูผิวดังๆ มากมายในเชิงเสริมเกราะป้องกันผิว (Barrier Cream) และอุปกรณ์ดูแลผิวสำหรับใช้ที่บ้านซึ่งมาแรง แต่โดยรวมแล้วก็ยังไม่มีอะไรที่สั่นสะเทือนวงการความงามมากนัก
แต่ปี 2025 เราคาดว่าจะแตกต่างออกไป เพราะจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการดูแลและพูดคุยเกี่ยวกับผิวหน้าและร่างกายของเรา มาดูกันว่าอะไรกำลังจะ ‘อิน’ และอะไรกำลังจะ ‘เอาต์’ ในปีหน้าที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้
สิ่งที่กำลังจะ ‘เอาต์’ ในปี 2025
1. การฉีดฟิลเลอร์จนเกินงาม หากสังเกตจากกระแสในปี 2024 จะพบว่าไม่ใช่ปีทองของการฉีดสารเติมเต็มในแง่ของผลลัพธ์ที่แนบเนียน โดยเฉพาะหลังจากมีกระแส ‘การเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รูปทรง’ และ ‘การสลายฟิลเลอร์’ ที่ระบาดใน TikTok ซึ่ง David Shafer ศัลยแพทย์ตกแต่ง ออกมาให้ความเห็นว่า “ถ้าเห็นชัดว่ามีการฉีดฟิลเลอร์นั่นหมายถึงงานที่ไม่ดี” ปี 2025 จะเป็นปีแห่งความพอดีในการเสริมความงาม จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดูเกินจริงอีกต่อไป เพราะนวัตกรรมฟีลเลอร์จะล้ำและแนบเนียนยิ่งขึ้น
2. การใช้สกินแคร์มากเกินจำเป็น ต้องยอมรับว่าไม่มีใครจำเป็นต้องใช้สกินแคร์ถึง 12 ขั้นตอนตามเทรนด์เดิมๆ ที่เป็นกระแส Heather Rogers แนะนำว่า ผู้คนยุคใหม่กำลังมองหาความเรียบง่ายในการดูแลผิว เน้นเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการในระยะยาวมากกว่าการตามกระแส
3. การโฆษณาสกินแคร์เกินจริง สกินแคร์ที่ดีเป็นกุญแจสำคัญสู่ผิวที่เปล่งปลั่งและแข็งแรง แต่ไม่ได้หมายความว่าสกินแคร์เพียงอย่างเดียวจะทำให้คุณมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉม เซเลบริตี้และศัลยแพทย์เริ่มเปิดเผยมากขึ้นว่า ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้นต้องพึ่งพาการรักษาแบบมืออาชีพหลากหลายวิธี รวมถึงการเข้าคลินิกเสริมความงามด้วย
สิ่งที่กำลังจะ ‘อิน’ ในปี 2025
1. ความโปร่งใสเรื่องศัลยกรรม ปี 2025 จะเป็นปีที่ทุกคนเปิดเผยเรื่องศัลยกรรมมากขึ้น ผู้บริโภคจะเข้าใจแล้วว่าลำพังสกินแคร์อย่างเดียวไม่อาจเปลี่ยนแปลงใบหน้าได้ทุกมิติ จำเป็นต้องพึ่งพาการรักษาแบบมืออาชีพหลากหลายวิธี และการพูดคุยเรื่องความงามไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอีกต่อไป
2. การสะสมคอลลาเจนจะกลายเป็นเทรนด์หลักในวงการความงาม ทั้งการทำทรีตเมนต์กระตุ้นคอลลาเจนอย่าง Morpheus8 และ Emface รวมถึงการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับอนาคต
3. สกินแคร์จาก DNA แซลมอน เตรียมทำความรู้จักกับ PDRN (Polydeoxyribonucleotide) สารสกัดจาก DNA แซลมอน โดยแบรนด์ REJURAN กำลังเป็นที่จับตามอง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และลดริ้วรอย
4. การยกระดับการดูแลผิวกาย การดูแลผิวกายจะได้รับความสนใจมากขึ้นในปี 2025 โดยเฉพาะจากแบรนด์ใหม่ๆ ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์สวยงาม มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และกลิ่นหอม ที่ช่วยให้การอาบน้ำเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากขึ้น
5. ผลิตภัณฑ์กันแดดจะถูกยกระดับ โดยสูตรกันแดดในปี 2025 จะพัฒนาให้เนื้อสัมผัสบางเบา ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งตอนนี้แบรนด์ต่างๆ กำลังพัฒนาเนื้อสัมผัสให้เหมือนเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์มากขึ้น นอกจากนี้จะมีกันแดดเฉดสีที่หลากหลายขึ้นสำหรับผู้มีสีผิวเข้ม รวมถึงสูตรไฮบริดที่ผสมผสานการปกปิดและการป้องกันแสงแดดเข้าด้วยกัน
6. นวัตกรรม Exosome ที่ยังคงเป็นที่ถกเถียง Exosome หรืออนุภาคนาโนที่ปล่อยออกมาจากเซลล์ในร่างกายมนุษย์ กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในวงการความงาม แม้จะยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก FDA แต่คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Exosome วางจำหน่ายในปี 2025 อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ Exosome โดย Corey L. Hartman เผยว่า “ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาอีกมากเกี่ยวกับการใช้ Exosome ก่อนที่ผู้คนจะรู้สึกสบายใจที่จะใช้” นอกจากนี้ Ava Perkins นักเคมีเครื่องสำอาง ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับจริยธรรมในการใช้ส่วนผสมที่มาจากมนุษย์ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และยังต้องการหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
7. วงการความงามในปี 2025 จะเห็นการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการวิเคราะห์สภาพผิวแบบเฉพาะบุคคล เช่น เทคโนโลยี AI-Powered Skin Analysis จะช่วยวิเคราะห์สภาพผิวได้แม่นยำมากขึ้น โดยสามารถระบุปัญหาผิว ประเมินความชุ่มชื้น วัดระดับความยืดหยุ่น และติดตามการเปลี่ยนแปลงของผิวได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาสูตรสกินแคร์ที่ตอบโจทย์ผิวของแต่ละบุคคล รวมถึงการติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์ของผิวด้วย
ภาพ: Courtesy of Shutterstock