หลายคนต้องทนทุกข์กับอาการปวดเรื้อรังที่ไม่ยอมหายไป แม้จะลองรักษาด้วยวิธีต่างๆ มาแล้ว ทั้งการนวด การกินยาแก้ปวด หรือทำกายภาพบำบัด แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น ทำให้ต้องอยู่กับความเจ็บปวดจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ปัจจุบันมีทางเลือกใหม่ในการรักษาที่น่าสนใจคือ Cryotherapy หรือการบำบัดด้วยความเย็นระดับสุดขั้ว ใครที่สนใจต้องไม่พลาดบทความนี้ เพราะ LIFE รวบรวมทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับการรักษาความเจ็บปวดของโรคออฟฟิศซินโดรม และอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อต่างๆ ด้วย Cryotherapy มาไว้ให้แล้ว
Cryotherapy คืออะไร?
ศ. นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า “Cryotherapy เป็นการรักษาด้วยการใช้ความเย็นระดับสุดขั้ว (อุณหภูมิ -110 ถึง -190 องศาเซลเซียส) เพื่อกระตุ้นการตอบสนองของร่างกายต่อสภาวะเย็นจัด ซึ่งช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
กลไกการทำงานของ Cryotherapy
เมื่อร่างกายสัมผัสกับความเย็นระดับสุดขั้ว จะเกิดกระบวนการตอบสนองทางสรีรวิทยาหลายอย่าง ได้แก่
- การลดการอักเสบ ความเย็นจัดช่วยลดการหลั่งสารก่อการอักเสบและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
- การบล็อกสัญญาณประสาทความเจ็บปวด ความเย็นทำให้กระแสประสาทที่นำความรู้สึกเจ็บปวดเดินทางช้าลง
- การกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยระงับความเจ็บปวดตามธรรมชาติ
- การเพิ่มการไหลเวียนของเลือด หลังการรักษา เลือดจะไหลเวียนกลับเข้าสู่บริเวณที่ได้รับการรักษามากขึ้น นำออกซิเจนและสารอาหารมาสู่เนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ
รูปแบบของการรักษาด้วย Cryotherapy
Cryotherapy มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบเฉพาะที่และแบบทั้งร่างกาย ได้แก่
1. Whole-Body Cryotherapy (WBC)
เป็นการเข้าห้องความเย็นพิเศษที่มีอุณหภูมิ -110 ถึง -190 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2-4 นาที ผู้รับการรักษาจะสวมถุงมือ ถุงเท้า และชุดว่ายน้ำหรือชุดออกกำลังกายที่กระชับ
2. Localized Cryotherapy
เป็นการใช้ความเย็นจัดเฉพาะจุดที่มีอาการปวดหรืออักเสบ โดยใช้อุปกรณ์พิเศษที่ฉีดไนโตรเจนเหลวหรือก๊าซที่เย็นจัดไปยังบริเวณนั้นโดยตรง
3. Cryotherapy Facials
เป็นการใช้ความเย็นจัดกับใบหน้าเพื่อลดริ้วรอย กระชับผิว และลดอาการบวม
โรคและอาการที่รักษาได้ด้วย Cryotherapy
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคข้อเสื่อม
- อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
- อาการปวดหลังส่วนล่าง
- การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
- โรคสะเก็ดเงินและโรคผิวหนังบางชนิด
- ภาวะนอนไม่หลับและความเครียด
- การฟื้นฟูร่างกายหลังการออกกำลังกายอย่างหนัก
ข้อควรระวังและผลข้างเคียง
แม้ Cryotherapy จะปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็มีข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะ
- ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้
- ผู้ป่วยโรคหัวใจรุนแรง
- ผู้ที่มีประวัติเป็นลมชัก
- สตรีมีครรภ์
- ผู้ที่มีภาวะ Raynaud’s Syndrome (ภาวะที่หลอดเลือดตีบตัวเมื่อได้รับความเย็น)
- ผู้ที่มีแผลเปิดในบริเวณที่จะรักษา
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ Cryotherapy
การรักษาด้วยความเย็นระดับสุดขั้วนี้อาจทำให้เกิดผิวหนังไหม้จากความเย็น หากดำเนินการไม่ถูกวิธีหรือใช้เวลานานเกินไป ผู้รับการรักษามักพบอาการชาชั่วคราวบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับความเย็น ซึ่งจะหายไปหลังจากการรักษาสิ้นสุดลง บางรายอาจรู้สึกมึนงงหรือเวียนศีรษะหลังการบำบัด โดยเฉพาะในการรักษาแบบทั้งร่างกาย และที่พบได้บ่อยคืออาการผิวหนังแดงหรือระคายเคืองเล็กน้อย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของผิวหนังเมื่อสัมผัสกับความเย็นจัด แต่อาการเหล่านี้มักเป็นเพียงชั่วคราวและหายไปเองได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการรักษา
ความคุ้มค่าของการรักษา
การรักษาด้วย Cryotherapy มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500-3,900 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลและประเภทของการรักษา โดยส่วนใหญ่แนะนำให้รักษาเป็นคอร์ส 10-15 ครั้ง จึงจะเห็นผลชัดเจน แม้ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูง แต่หากเทียบกับค่าใช้จ่ายระยะยาวในการรักษาอาการปวดเรื้อรัง เช่น ค่ายา ค่าพบแพทย์ และผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการทำงาน การรักษานี้อาจมีความคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
สรุปว่า Cryotherapy เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาความเจ็บปวดเรื้อรังและไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิม แม้จะไม่ใช่วิธีรักษาที่มหัศจรรย์สำหรับทุกคน แต่การศึกษาทางคลินิกและประสบการณ์ของผู้ป่วยจำนวนมากแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก่อนตัดสินใจรับการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมกับอาการและประวัติสุขภาพของแต่ละบุคคล และควรเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานและบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเหมาะสม เพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัย
Cryotherapy เป็นการรักษาด้วยการใช้ความเย็นระดับสุดขั้ว (อุณหภูมิ -110 ถึง -190 องศาเซลเซียส) เพื่อกระตุ้นการตอบสนองของร่างกายต่อสภาวะเย็นจัด ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้
เมื่อร่างกายสัมผัสกับความเย็นระดับสุดขั้วจะช่วยลดการอักเสบ ความเย็นจัดช่วยลดการหลั่งสารก่อการอักเสบและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
ความเย็นทำให้กระแสประสาทที่นำความรู้สึกเจ็บปวดเดินทางช้าลง
ความเย็นจัดจะกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยระงับความเจ็บปวดตามธรรมชาติ
หลังการรักษา เลือดจะไหลเวียนกลับเข้าสู่บริเวณที่ได้รับการรักษามากขึ้น นำออกซิเจนและสารอาหารมาสู่เนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ
การรักษาด้วย Cryotherapy เช่น Whole-Body Cryotherapy (WBC) คือการเข้าห้องเย็นพิเศษที่อุณหภูมิ -110 ถึง -190 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2-4 นาที โดยผู้รับการรักษาสวมชุดกระชับ ถุงมือ และถุงเท้า ป้องกันความเย็น
Localized Cryotherapy การใช้ความเย็นจัดเฉพาะจุดที่มีอาการปวดหรืออักเสบด้วยอุปกรณ์พิเศษที่ฉีดไนโตรเจนเหลวหรือก๊าซเย็นจัดไปยังบริเวณนั้นโดยตรง
ข้อควรระวังของการรักษาด้วย Cryotherapy คือกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ป่วยโรคหัวใจรุนแรง ผู้ที่มีประวัติเป็นลมชัก สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีภาวะ Raynaud’s Syndrome และผู้ที่มีแผลเปิดบริเวณที่จะรักษา
ผลข้างเคียงอาจเกิดผิวหนังไหม้จากความเย็น อาการชาชั่วคราว มึนงงหรือเวียนศีรษะ และผิวหนังแดงระคายเคืองเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้มักหายไปเองได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
ความคุ้มค่า ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500-3,900 บาทต่อครั้ง แนะนำให้ทำเป็นคอร์ส 10-15 ครั้ง แม้ราคาสูง แต่อาจคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่น
ภาพ: Shutterstock