ที่ใต้ตาคล้ำ...ผิดที่ฉันเองหรืออายครีมไม่ได้ผล?

ต่อให้โบกอายครีมเยอะแค่ไหน หมดไปไม่รู้กี่กระปุก แต่ทำไมผิวรอบดวงตาถึงยังคล้ำเป็นแพนด้า ดูโทรมเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม? เชื่อว่าประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ใครหลายคนเผชิญกันอยู่ บางคนอาจจะฟันธงแล้วว่าอายครีมที่ซื้อมามันไม่เคยได้ผลจริงๆ จนถอดใจเลิกใช้ บ้างก็มุ่งซื้อใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอตัวที่เวิร์ก

ก่อนที่จะไปถึงจุดที่ต้องควักเงินครั้งใหม่ เราอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจก่อนว่า ผิวรอบดวงตานั้นเป็นดั่งกระจกที่สะท้อนสุขภาพร่างกาย พันธุกรรม โครงสร้างของผิว รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนั้น ต่อให้อายครีมจะมีราคาสูงลิ่ว หรือมีคุณสมบัติดีเลิศเลอแค่ไหนก็ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาคล้ำได้ (อาจช่วยได้บ้าง แต่น้อย) หากคุณมีอาการหรือพฤติกรรมดังต่อไปนี้

การยุบตัวของกระดูกและเนื้อเยื่อใต้ตา

เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อเยื่อและกระดูกใต้ตาจะยุบลงโดยธรรมชาติ ทำให้ตาดูโหล มีรอยคล้ำ บ้างอาจพบเป็นร่องลึกและเกิดเป็นถุงใต้ตาได้เช่นกัน ซึ่งกรณีนี้สามารถพบได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเนื่องจากกระดูกบริเวณกระดูกแก้มและเบ้าตาที่เจริญเติบโตได้ไม่ดี

สีกล้ามเนื้อใต้ตาและผิวที่บางลง

การที่สีกล้ามเนื้อใต้ตามีความดำคล้ำเจอกับผิวหนังใต้ตาที่มีความบางเป็นทุนเดิม และยังบางลงได้อีกตามวัย รวมถึงการเผชิญกับแดดบ่อยๆ นั้นสามารถทำให้เราเห็นเงาดำของกล้ามเนื้อและเส้นเลือดดำชัดเจนขึ้น

คล้ำจากเงาแสง

รู้หรือไม่ว่าความคล้ำของผิวใต้ตายังเกิดได้จากแสงที่ตกกระทบทำมุมบนผิวหนังได้ กรณีนี้จะพบได้กับผู้ที่มีถุงใต้ตาหรือมีร่องน้ำตาชัด

โรคภูมิแพ้

ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมีผิวใต้ตาที่ดำคล้ำเนื่องจากเส้นเลือดใต้ผิวหนังมีการขยายใหญ่กว่าปกติ บางรายก็อาจมีอาการบวมร่วมด้วย และยิ่งถ้าขยี้ตาบ่อยๆ จากอาการคันระคายเคืองจะยิ่งกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีในผิวสร้างเม็ดสีมากขึ้น ส่งผลให้ผิวบริเวณใต้ตาดูคล้ำขึ้นในที่สุด

เชื้อชาติ-พันธุกรรม

ผิวใต้ตาที่คล้ำเกิดได้จากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่นได้เช่นกัน ซึ่งบางเชื้อชาติอย่างอาหรับหรืออินเดียก็มักจะมีเม็ดสีใต้ตามากกว่าเชื้อชาติอื่น

พักผ่อนน้อยหรือนอนมากไป

เรามักจะได้ยินว่าต้องนอนหลับให้เพียงพอเพื่อไม่ให้ใต้ตาดูคล้ำโทรม แต่ความจริงแล้วการนอนมากเกินไปก็สามารถส่งผลให้ใต้ตาดูเป็นแพนด้าได้เหมือนกัน

ความเครียด

“เครียดบ่อยระวังหน้าโทรมนะ” ประโยคที่เรามักได้ยินบ่อยๆ นั้นเป็นเรื่องจริงไม่ผิดเพี้ยน ความเครียดสามารถทำให้ใต้ตาดูคล้ำหมองได้จากการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่จะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งยังส่งผลต่อผิวหน้าโดยรวมอีกด้วย

ใช้สายตามากไป

อาการตาล้ามักจะเป็นอาการคู่ใจของคนในยุคนี้ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ต้องใช้ชีวิตติดจอแทบทั้งวัน ซึ่งอาการตาล้านี่แหละเป็นตัวการที่ทำให้เส้นเลือดรอบดวงตาขยายใหญ่ และส่งผลให้ใต้ตาดูคล้ำหมองในท้ายที่สุด

บุหรี่และแอลกอฮอล์

การสูบบุหรี่หรือดื่มจัดนั้นสามารถทำให้ใต้ตาดูคล้ำขึ้นได้จากการที่เส้นเลือดใต้ผิวหนังมีการขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำ และยังส่งผลให้สภาพผิวหน้าโดยรวมดูโทรมได้อีกเช่นกัน

ภาวะขาดน้ำ

การดื่มน้ำไม่เพียงพอ รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไปนั้นสามารถส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ และเมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำเพียงพอ ผิวก็จะไม่กระจ่างใส ส่งผลให้ผิวใต้ตาดูอิดโรยและคล้ำชัดเจนยิ่งขึ้น

สรุปได้ว่า การจะทำให้ใต้ตาที่คล้ำดูกระจ่างใสขึ้นได้นั้นจะต้องแก้ที่ต้นเหตุ ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาโรคที่เป็นอยู่ ตลอดจนแพทย์ด้านความงามที่จะช่วยแนะนำเทคนิคในการแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ อาทิ การฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นผลไวและชัดเจน ทั้งนี้ควรศึกษาถึงข้อมูลสถาบันความงาม ชนิดฟิลเลอร์ที่ใช้ และแพทย์ผู้ให้บริการเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัยสูงสุด

อ้างอิง: