×

รู้จัก Buddha-Like Mindset: ใช้ชีวิตช้าลงไม่ต้องหนีโลก แต่ก็ไม่เร่งจนเหนื่อยเกิน

08.11.2025
  • LOADING...
รู้จัก Buddha-Like Mindset: ใช้ชีวิตช้าลงไม่ต้องหนีโลก แต่ก็ไม่เร่งจนเหนื่อยเกิน

ลองถามตัวเองดูซิว่าทุกวันนี้ “เราใช้ชีวิตแบบเร่งรีบไปเพื่ออะไร” แนวคิด Buddha-Like Mindset จึงเกิดขึ้นในยุคที่คนรุ่นใหม่เริ่มตั้งคำถามกับการแข่งขันที่ไม่รู้จบในสังคม หรือที่เรียกว่า “rat-race” วงจรการทำงานที่เร่งรัด เหนื่อยล้า และแทบไม่มีจุดหมายอื่นนอกจาก “ต้องดีกว่าเดิม” อยู่เสมอ แต่ในวันที่แรงผลักจากภายนอกเริ่มกลบเสียงภายใน แนวคิดนี้กลับชวนให้เราหยุด หายใจ และมองชีวิตแบบที่พอเพียงกับตัวเองอีกครั้ง

 

คำว่า Buddha-Like Mindset เริ่มต้นจากประเทศจีน หมายถึงการใช้ชีวิตแบบไม่ยึดติด ไม่แข่งขันเกินจำเป็น คนกลุ่มนี้เลือกใช้ชีวิตเรียบง่าย “ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” พวกเขาไม่ต้องการจะชนะทุกอย่างในโลกที่ทุกคนต่างเร่งรีบแย่งชิง

 

มันคือการตอบโต้ระบบ rat-race ที่กดดันให้คนทำงานหนักขึ้น ซื้อของมากขึ้น ใช้ชีวิตในเมืองที่แพงขึ้น โดยเชื่อว่าความสำเร็จหมายถึงการไต่เต้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
จนสุดท้ายหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า ความสุขจริงๆ ของเรายังอยู่ตรงนั้นไหม

 

เมื่อการ “ถอยออกมา” ไม่ได้แปลว่า “ล้มเลิก” สิ่งที่คนรุ่นใหม่จำนวนมากเลือก คือการถอยออกจากการแข่งขันแบบเดิม เพื่อรักษาสมดุลของจิตใจและชีวิต เช่น เลือกทำงานที่ช้าลงแต่มีความหมายมากขึ้น เลือกอยู่ในบ้านที่พอดีกับความสุข ไม่ต้องมีของมาก แต่มีเวลาให้ตัวเองมากกว่า นี่ไม่ใช่การหนีความรับผิดชอบ แต่คือการรู้เท่าทันแรงกดดันจากสังคม และเลือกที่จะไม่ยอมให้มันกำหนดคุณค่าของตัวเอง คนที่มีแนวคิดนี้มักเข้าใจว่า “ไม่ต้องมีทุกอย่างก็มีความสุขได้” และนั่นคือเสน่ห์ของชีวิตที่เรียบแต่ลึก

 

ปรัชญานี้ไม่ได้ต่างจากแนวคิดแบบมินิมอลหรือความพอเพียงในศาสนาพุทธเท่าไร เพราะหัวใจสำคัญคือ “ลดความอยาก” ที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์ แต่สิ่งที่ต่างคือ มันเกิดขึ้นในยุคดิจิทัลที่ทุกคนถูกเปรียบเทียบตลอดเวลา การเลือกใช้ชีวิตแบบ Buddha-Like จึงเป็นเหมือนการฝึกใจให้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ใช้โซเชียลอย่างมีสติ ไม่ต้องอวด ไม่ต้องตามเทรนด์ทุกอย่าง และเรียนรู้ที่จะบอกตัวเองว่า “ช้าก็ได้ ไม่ต้องเหมือนใครก็ได้” ช้าลง แต่มีคุณภาพขึ้น

 

ภาพ: Shutterstock

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising