Ulthera ทำไมต้องทำทุกปี? และจริงหรือที่อายุ 40+ ทำแล้วเอาไม่อยู่? คุณหมอจาก ANS Clinic มีคำตอบ

ในยุคที่นวัตกรรมความงามพัฒนาอย่างก้าวกระโดด คงมีหลายคนสงสัยว่าทำไม Ulthera (อัลเทอรา) ยังคงเป็นหัตถการยอดนิยมที่คุณหมอหลายท่านแนะนำให้ทำเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย แก้มห้อย ไม่กระชับ

บทความนี้ พญ.ปรารถนา ภู่เกียรติ จาก ANS Clinic คลินิกความงามที่ให้การรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง จะมาไขข้อสงสัยว่าทำไมเราถึงสามารถทำ Ulthera ได้ทุกปี และความเชื่อที่ว่าคนอายุ 40 ปีขึ้นไป ทำ Ulthera แล้วเอาไม่อยู่นั้นจริงหรือไม่

พญ.ปรารถนา ภู่เกียรติ จาก ANS Clinic

ทำไมหมอส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ทำ Ulthera เป็นประจำทุกปี?

พญ.ปรารถนา: หลักการทำงานของ Ulthera จะเป็นโฟกัสอัลตราซาวด์ที่มีหน้าจอให้เห็น ทำให้เราสามารถทาร์เก็ตไปที่ชั้น SMAS ได้โดยตรง เวลาเรายิงชั้น SMAS ที่มีลักษณะเป็นพังผืด เมื่อเรายิงไปโดนชั้นเนื้อเยื่อพอดีก็จะเกิดการหดตัวขึ้น ทำให้หน้าเรากระชับขึ้น ยกขึ้น หลังยิงเสร็จจะมีอาการบวมและช้ำนิดหน่อย แต่จริงๆ เราทำไปเพื่อให้คอลลาเจนใต้ผิวหนังเกิดขบวนการรีโมเดลลิ่งคอลลาเจนที่เป็นคอลลาเจนไทป์แก่ ทำให้เป็นคอลลาเจนประเภทของคนที่อายุน้อยลง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน

ถามว่าทำไมถึงต้องทำทุกปี เนื่องจากเวลาผ่านไป คอลลาเจนก็เริ่มเสื่อมสภาพลงอีก ประมาณ 1 ปีก็ควรจะทำใหม่ เหมือนกับเมื่อถึงระยะเวลาของมันแล้ว ผิวหนังก็จะแก่ลงตามกาลเวลา

การทำ Ulthera ทุกปี ช่วยชะลอการหย่อนคล้อยของใบหน้าได้จริงหรือไม่

พญ.ปรารถนา: แน่นอนค่ะ ก็เหมือนเราหยุดเวลาไว้ที่เดิมให้มากที่สุด เพราะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนของตัวเราเอง Ulthera เป็นวิธีที่ช่วยเรื่องหย่อนคล้อยได้ดีที่สุด รวมถึงริ้วรอยเล็กๆ ในบางตำแหน่ง และเท็กซ์เจอร์ของผิวด้านนอกก็จะดีขึ้นด้วย

วัยรุ่นสามารถเริ่มทำ Ulthera ได้เลยหรือไม่ และควรเริ่มทำเมื่ออายุเท่าไร?

พญ.ปรารถนา: จริงๆ ไม่ได้มีข้อกำหนดอายุขั้นต่ำ เพราะ Ulthera นอกจากช่วยยกกระชับแล้ว ในคนที่มีปัญหาใบหน้าที่แก้มค่อนข้างเจ้าเนื้อหน่อย ก็สามารถทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้เช่นกัน ช่วยยกแก้มให้หน้าเรียวขึ้น

มีความเชื่อที่ว่า เมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป Ulthera จะไม่ได้ผลแล้ว และต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทน จริงหรือไม่?

พญ.ปรารถนา: หมอคิดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคนมากกว่า ต้องดูว่าเอาไม่อยู่ด้านไหน บางคนพออายุ 40-50 ปี อาจมีปัญหาอื่นร่วมด้วย เช่น ถุงใต้ตา ที่แก้ด้วย Ulthera ไม่ได้

มีปัญหาผิวหน้าอะไรบ้างที่ Ulthera ไม่สามารถแก้ไขได้ในผู้ที่มีอายุมากขึ้น?

พญ.ปรารถนา: รอยย่นของหน้าผาก รอยจากการขมวดคิ้ว อย่างนี้แก้ไม่ได้ หรือบางคนมีปัญหาขมับตอบลง Ulthera ก็แก้ไม่ได้

นอกจาก Ulthera แล้ว มีทางเลือกอื่นที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกันหรือไม่?

พญ.ปรารถนา: ถ้าใกล้เคียงกันก็จะมี Thermage (เทอร์มาจ) ที่น่าจะเคยได้ยิน แต่ทำงานกันคนละหลักการ เพราะ Thermage ช่วยลดไขมันได้ดี

คนที่หน้าเรียวอยู่แล้วจะไม่ชอบทำ Thermage เพราะหน้าก็จะยิ่งตอบ ยิ่งทำให้ดูอายุเยอะ แต่บางคนก็อาจทำคู่กันเลย เช่น ทำ Ulthera แล้วก็ทำ Thermage ที่เหนียง

หลายคนกังวลเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูงของ Ulthera และกลัวเจ็บ หมอมีความเห็นอย่างไรในประเด็นนี้?

พญ.ปรารถนา: ข้อดีคือต้องบอกว่า Ulthera มีความปลอดภัย หลังทำเสร็จผลข้างเคียงน้อยมาก อาจมีบางคนที่ผิวบางเลยมีรอยช้ำหรือบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ ไม่น่าเกิน 1 สัปดาห์ก็จะหายเป็นปกติ ส่วนใหญ่พอทำเสร็จปุ๊บก็ช้อปปิ้งได้เลย เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆ เกิดขึ้น แต่ในเรื่องของความเจ็บ ก็ยอมรับว่ามันก็จะเจ็บระดับหนึ่ง

ปัจจุบัน Ulthera มีให้บริการในคลินิกความงามเกือบทุกแห่ง อะไรคือจุดเด่นของ ANS Clinic?

พญ.ปรารถนา: หมอทุกคนของเราเป็นหมอผิวหนังโดยเฉพาะ ไม่ใช่คุณหมอทั่วไป ดังนั้นเราจะมีความรู้เรื่องผิวหนังดีทุกคน อีกอย่างคือการบรรเทาความเจ็บปวด เราพยายามใช้ยาชาที่มีคุณภาพ และสร้างบรรยากาศที่ทำให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด

รีวิวประสบการณ์ที่ได้ลองทำ Ulthera ที่นี่

ขั้นตอนการทำ Ulthera ของที่นี่ เริ่มจากการทำความสะอาดใบหน้า ก่อนชโลมยาชาให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ราว 40-50 นาที เมื่อถึงเวลา พญ.ปรารถนา ก็จะเข้ามาเริ่มยิง โดยเริ่มจากบริเวณที่สร้างความเจ็บมากที่สุดก่อน แล้วค่อยไล่ไปสู่จุดที่เจ็บน้อยลง เพราะถ้าเราทนต่อความเจ็บในช่วงแรกได้แล้ว หลังๆ ก็จะเบาขึ้น

เราสังเกตว่าหมอจะคอยมองหน้าจอตลอด เพื่อให้มั่นใจว่าจุดที่ยิงไปโดนชั้น SMAS มากที่สุด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็ครบทั้งใบหน้า คาง และเหนียง

ส่วนคนที่กลัวเจ็บ ต้องบอกว่าเทคนิคของหมอคือจะคอยถามเป็นระยะว่าเจ็บไหม ทนไหวไหม เพื่อเช็กอาการ และคอยบอกตลอดว่าจะยิงบริเวณไหนต่อ ช่วยให้ไม่ตกใจเวลายิงไปโดน รวมถึงบริเวณที่อาจมีความรู้สึกเยอะเป็นพิเศษ เช่น คาง เหนียง หมอก็จะคอยบอกให้เราได้เตรียมตัว หลังทำเสร็จมีอาการระบมเล็กน้อยประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็แทบไม่ระบมแล้ว ใบหน้ากลับสู่ปกติ ไม่มีร่องรอยหรือรอยแดงใดๆ ทิ้งไว้ให้ต้องกังวล