ปี 2023 มีใครเริ่มอยากเปลี่ยนไลฟ์สไตล์มาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันบ้าง บอกเลยว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ดุเดือดแบบสุดๆ มีรถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่เปิดตัวออกมามากมายหลายรุ่นหลายขนาด แต่มีอยู่หนึ่งแบรนด์ที่หน้าตารูปร่างยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกเหมือนเดิม ถึงแม้ตอนนี้จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแล้วก็ตาม เรากำลังพูดถึงแบรนด์ MINI ที่ได้ปล่อย MINI Cooper SE รถยนต์ไฟฟ้ารูปทรงคลาสสิกที่การขับขี่เน้นความคล่องตัว เหมาะกับในเมือง ออกมาเป็นทางเลือกให้ชาวเมืองได้ตัดสินใจ
และเป็นโอกาสดีมากที่เราได้ลองป้ายยาตัวเองด้วย MINI Cooper SE Resolute Edition ถามว่าต่างจาก Cooper SE ตรงไหน เริ่มต้นที่สีของตัวรถ รุ่นที่เราขับเป็นสีเขียวแบบที่สมัยก่อนจะมีในรุ่นพิเศษอย่าง John Cooper Works เท่านั้น ต่อมาคือการตกแต่งเส้นสายทั้งภายนอกและภายในที่จะเป็นลายเฉพาะรุ่น Resolute Edition เท่านั้น แต่สิ่งที่ชอบสุดๆ ของภายในคือเบาะผ้าที่ทำให้เรานึกถึงรถ MINI รุ่นคลาสสิก แถมความรู้สึกเวลานั่งก็ให้อารมณ์สบายๆ เหมือนนั่งโซฟาที่บ้านอีกด้วย
ในด้านการใช้งาน ตัวรถใช้ตัวถังเดียวกันกับรุ่นน้ำมันปกติเลย เพราะฉะนั้นพื้นที่เก็บของเพียงพอแน่นอน แบตเตอรี่ตัวรถให้มาขนาดไม่ใหญ่มาก ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งได้ราวๆ 217 กิโลเมตร แต่ตอนที่ขับใช้งานจริง เมื่อคุณถอนคันเร่ง ตัวรถจะมีการดึงพลังงานกลับ ทำให้แบตไม่ได้ลดเร็วขนาดนั้น ยิ่งวิ่งในเมืองที่รถติดๆ ยิ่งประหยัด
ในตอนที่ทดลองใช้งาน เราจะชาร์จไฟประมาณวันละครั้ง แต่พอเริ่มหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วต้องหาที่ชาร์จแบตบ่อยๆ หลายคนอาจเจอกับอาการเบื่อเวลาที่ต้องออกไปชาร์จแบตนอกบ้าน จอดชาร์จไปชั่วโมงกว่าๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี วันนี้เราเลยอยากจะมาชี้เป้า 5 จุดจอดชาร์จในเมืองที่จอดแล้วมีอะไรทำ ไม่ต้องนั่งรอจนเบื่อ
1. ออกกำลังกายยามเช้า เดินชิลตอนเย็นก็สามารถแวะชาร์จได้
สำหรับชาว EV คนไหนที่ชอบไปเดินเล่นหรือออกกำลังกายที่สวนเบญจกิติ คุณสามารถจอดชาร์จแบตรถที่ลานจอดรถของสวนได้เลย ที่นี่มีที่จอดชาร์จสำหรับสองคัน ก็น่าจะพอดีกับการไปเดินเล่นในสวนได้ ช่วงนี้ถีบเรือเป็ดในสวนกำลังฮิต จะไปถีบเรือเป็ดรอก็ยังได้
2. แวะกินข้าวและช้อปปิ้งแถวพร้อมพงษ์
แน่นอนว่าห้าง Emporium และ EmQuartier เป็นสองห้างที่มีร้านค้ามากมาย และอีกหนึ่งเรื่องที่เราต้องลุ้นกันอยู่ตลอดคือที่จอดรถหายากมาก แต่ถ้าเราเป็นชาว EV คุณอาจได้ที่จอดโดยไม่ต้องวนหานานๆ อย่างรอบที่ผ่านมาเราลองไปจอดที่ตึก B ของห้าง Emporium แล้วก็เดินไปกินข้าว แถมเดินข้ามไปช้อปปิ้งที่ EmQuartier ได้อีก สะดวกสุดๆ
3. ทางเลือกสำหรับชาวออฟฟิศย่านสีลม
ใครที่ทำงานอยู่ในย่านสีลมหรือละแวกใกล้เคียง จะบอกว่าบนตึก CP Tower 1 ชั้น 8 ของลานจอดรถเขามีจุดชาร์จอยู่ สามารถชาร์จแล้วไปติดต่อธุระในตึก หรือใกล้ๆ กันมีซอยคอนแวนต์ ร้านอาหารและของกินเพียบ
4. เดินชิลๆ ในสยาม หรือจะข้ามไปหอศิลป์ก็จอดชาร์จได้
อีกหนึ่งสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องมีอะไรทำเต็มไปหมดแต่หาที่จอดยากมากนั่นคือสยาม แต่ถ้าคุณใช้รถยนต์ไฟฟ้า คุณแทบจะไม่ต้องวนหาที่จอดนานๆ เลย แค่ขับมาจอดชาร์จที่ตึก Siamscape ชั้น 4 คุณก็สามารถทิ้งรถไว้แล้วไปเดินเล่น หรือจะเดินข้ามไปดูงานอาร์ตที่หอศิลป์ก็ยังได้
5. จอดชาร์จแล้วไปนั่งเล่นที่อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ หรือหาอะไรกินแถวบรรทัดทอง
กิจกรรมในช่วงเวลาเย็นๆ มันจะมีอะไรดีไปกว่าการนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ เสร็จแล้วก็ไปเดินเล่นหาของอร่อยกินย่านบรรทัดทอง คำถามคือแล้วจะเอารถไปจอดชาร์จที่ไหน จริงๆ ในพื้นที่ของจุฬาฯ ก็มีจุดจอดชาร์จอยู่หลายจุด แต่ที่เราแนะนำคือลานจอดรถในอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ สะดวกและใกล้สุดๆ