1.
บิดเข็มนาฬิกาย้อนเวลากลับไปในปี 1998 ปีที่ฟุตบอลโลกจัดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสและบทเพลง La Copa de la Vida ของศิลปิน ริกกี้ มาร์ติน ดังกระหึ่มไปทั้งโลก
วันนั้น อลิสสัน อายุเพียง 5 ขวบ ขณะที่ มูเรียล พี่ชายของเขาอายุมากกว่า 1 ปี และทั้งคู่กำลังนั่งดูเกมรอบรองชนะเลิศระหว่างบราซิลและเนเธอร์แลนด์อยู่ที่บ้านของคุณน้า ซึ่งจัดเตรียมอาหารมากมาย เครื่องดื่ม และเค้กก้อนโต
เกมในสนามเป็นไปอย่างสูสีเข้มข้น จนกระทั่งต้องตัดสินกันด้วยฎีกาลูกหนังที่ยุติธรรมที่สุดอย่างการยิงจุดโทษ
เวลานั้นพ่อและคุณลุงของเจ้าหนูทั้งสองไม่สามารถสงบสติได้อีกในสถานการณ์นั้น และทุกอย่างมาถึงจุดระเบิด เมื่อ เคลาดิโอ ทัฟฟาเรล ยอดนายทวารของบราซิลสามารถเซฟลูกจุดโทษลูกสุดท้ายได้ ส่งผลให้บราซิลได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่ Stade de France
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พ่อของเขาสติหลุด วิ่งจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องครัว ตะโกนเสียงดังลั่น ก่อนจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ด้วยการเอาหน้าจุ่มลงไปในเค้กก้อนโต ก่อนจะวิ่งกลับมาในห้องแต่งตัวโดยที่มีครีมเต็มหน้าไปหมด
“เราได้เข้าชิง! เราได้เข้าชิง!”
สำหรับอลิสสันและมูเรียล มันเป็นเรื่องตลกที่สุดในชีวิต และเป็นความทรงจำร่วมกันที่พวกเขาไม่มีวันลืม
แน่นอนว่าไม่มีใครคาดคิดว่าในอีก 20 ปีต่อมา เจ้าหนูวัย 5 ขวบคนนั้นจะได้เป็นสมาชิกของทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ก่อนจะกลายเป็นเจ้าของสถิติผู้รักษาประตูที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ตาม และปัจจุบันคือยอดนายทวารที่มีส่วนช่วยให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดในฤดูกาลนี้
อลิสสันจะไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีพี่ของเขา – คนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ความลับที่ไม่ได้ปิดไว้แต่หลายคนอาจไม่เคยรู้คือ ครอบครัวเบ็คเกอร์ไม่ได้สร้างผู้รักษาประตูมาแค่คนเดียว ความจริงแล้วสายเลือดการเป็นผู้รักษาประตูของพวกเขาเริ่มตั้งแต่คุณทวดที่เคยเป็นผู้รักษาประตูในทีมระดับสมัครเล่นที่ชื่อ โนโวฮัมบูร์โก ขณะที่คุณพ่อของอลิสสันก็เล่นเป็นผู้รักษาประตูให้กับทีมบริษัทของเขา
แรงบันดาลใจถูกส่งผ่านมาถึงสายเลือดใหม่ของตระกูลทั้งสองคนอย่างมูเรียลและอลิสสัน
ความจริงอลิสสันไม่ได้ตั้งใจจะเป็นผู้รักษาประตูในตอนต้น แต่เวลาไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนของมูเรียล ในฐานะน้องเล็กที่สุด เขาไม่มีทางเลือก (และไม่มีทางเถียงด้วย!) ในการไปยืนเฝ้าเสาประตู เพียงแต่มันก็เป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบและมีความสุข หรือเอาเข้าจริงเขารักกับการเล่นตำแหน่งนี้ตั้งแต่แรก
จากจุดนั้น พี่น้องเบ็คเกอร์ใช้วันเวลาร่วมกันเสมอ ไม่ว่าจะยามตื่นหรือยามหลับ ไม่ว่าจะเล่นหรือเรียน จะสุขหรือเศร้า
กิจวัตรประจำที่ทำร่วมกันนอกจากไปเล่นฟุตบอลด้วยกันคือการนั่งดูการถ่ายทอดสดเกมของบราซิล หยิบฉวยเอาช็อกโกแลต คอนเฟล็ก และนม มานั่งดูไปกินไป เชียร์ไปด้วยกัน
และในฟุตบอลโลก 2002 ที่บราซิลได้แชมป์โลก ก็ทำให้อลิสสันตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะเป็นนักฟุตบอลให้ได้ – ความจริงมูเรียลก็เช่นกัน
ความตั้งใจของเด็กทั้งสองแรงกล้า พวกเขาเล่นฟุตบอลพลาสติกกันในห้องนั่งเล่นที่บ้าน ใช้ประตูห้องเป็นเหมือนประตูฟุตบอล ถึงจะก่อความเสียหายบ้างแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีและมีความสุขที่สุดในชีวิตของทั้งสอง
เพียงแต่ชีวิตไม่ใช่ทุกอย่างจะราบเรียบ อลิสสันประสบปัญหาในช่วงแรกของการเล่นให้ทีมเยาวชนของอินเตอร์นาซิอองนาล เขาตัวเล็กเกินไป เพราะร่างกายเจริญเติบโตช้า เมื่อเทียบกับผู้รักษาประตูคนอื่นๆ แล้วเขาตัวเล็กกว่ามาก แข็งแรงน้อยกว่ามาก สุดท้ายเขาเป็นได้แค่ตัวสำรอง แม้จะย้ายไปอยู่ในทีมเยาวชนพัลไมรัส ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ที่ของเขาคือม้านั่งข้างสนามไม่ใช่บนเส้นประตู
ตรงข้ามกับมูเรียล ที่โดดเด่นได้รับการโหวตเป็นผู้รักษาประตูของรายการ Nike Cup ได้ถ้วยรางวัลกลับมาตั้งอวดที่บ้าน
การเปรียบเทียบเริ่มเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนพูดกันมากมาย “มูเรียลเก่งกว่าอลิสสัน”
จนถึงในวันที่แม้อลิสสันจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่พวกเขาได้เล่นในทีมเดียวกันที่อินเตอร์นาซิอองนาล ก็มีคำถามอีกว่า “อลิสสันจะเก่งเท่ามูเรียลไหม”
มันอาจเป็นคำถามหรือเป็นเรื่องของคนอื่น แต่สำหรับมูเรียล สิ่งเดียวที่เขามีให้กับน้องชายคือ ‘กำลังใจ’
และสำหรับอลิสสัน พี่ของเขาคือ ‘เป้าหมาย’ ที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้
การแข่งขันระหว่างทั้งสองเป็นไปอย่างเข้มข้น ไม่มีใครคิดที่จะยอมให้แก่ใคร แต่ในเวลาเดียวกันก็เต็มไปด้วยความรัก รักของพี่น้องที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความ
ถึงวันนี้ อลิสสันก้าวไปได้ไกลกว่าพี่ของเขามากมายนัก
แต่เขาไม่เคยลืมการแข่งขันด้วยความรักกับมูเรียล วันเวลาที่ฝึกซ้อมอย่างหนักด้วยกัน และการดวลกันในห้องนั่งเล่นที่แสนสนุก
ทุกครั้งที่อลิสสันลงสนาม เขาจึงไม่ได้ลงเล่นเพื่อตัวเอง หากแต่เล่นเพื่อพี่ของเขาด้วย
2.
“มันคือความมืดมน เป็นหนทางที่มืดมิด และเราต้องทำให้แน่ใจว่าหัวใจของเรายังเปิดอยู่”
เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเขา ไมเคิล เฟลป์ส เจ้าแห่งสระ ฉลามหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกีฬาว่ายน้ำ
จากจุดเริ่มต้นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ซิดนีย์เมื่อปี 2000 ในวัย 15 ปี แม้ครั้งแรกเขาจะไม่ได้รับเหรียญรางวัลใดๆ ก็ตาม แต่หลังจากนั้นเฟลป์สกลายเป็นตำนาน เมื่อเขาคว้าเหรียญรางวัลมาได้ถึง 28 เหรียญ
16 เหรียญที่ได้จากตัวเขาเพียงลำพัง และอีก 12 เหรียญที่ได้จากการว่ายผลัดกับคนอื่น
ความสำเร็จมากมายนั้นมันควรจะเติมชีวิตเขาให้เต็มเสียยิ่งกว่าเต็ม และเขาควรจะเป็นบุคคลที่มีความสุขไปชั่วชีวิต
แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น หลังการประกาศอำลาเส้นทางนักกีฬาเมื่อจบโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน ชีวิตของเฟลป์สก็ดำดิ่งจมลงไปในความมืดมนอนธการ
เขาเศร้าลึกถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
ในเงาของนักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องเผชิญกับความเครียด ความกดดัน และความคาดหวังมากขนาดไหน ด้านที่เราไม่เคยรู้หรือตระหนักคือ การที่เขาเป็นคนติดแอลกอฮอล์ เคยสูบกัญชา และทำตัวแหลกเหลวอีกมากมาย
โรคซึมเศร้าเข้าครอบงำนักว่ายน้ำผู้ยิ่งใหญ่โดยที่เขาไม่รู้ตัว และเกือบจะสายเกินไป
บุญรักษาของเฟลป์สที่เขามีภรรยาที่ดีอย่าง นิโคล ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อฉุดรั้งชีวิตสามีเอาไว้
ด้วยทิฐิของความเป็นยอดนักกีฬา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นิโคลจะทำให้เฟลป์สยอมเข้ารับการบำบัด แต่สุดท้ายด้วยความรักและไม่ย่อท้อ ในที่สุดราชาสระได้ยอมเข้ารับการบำบัดในที่สุด
“ในตอนแรกผมไม่อยากจะพบนักบำบัด แต่เมื่อผมพบว่ายิ่งพบผมก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้น สุขภาพของผมดีขึ้น ผมได้รู้จักตัวเองมากขึ้นในแบบที่ผมไม่เคยได้รู้จักมาก่อน
“ภรรยาของผมคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยให้ผมผ่านแต่ละวันของชีวิตไปได้ ผมไม่มีวันจะเป็นอย่างทุกวันนี้ได้หากปราศจากเธอ เธอคือคนที่ช่วยนำผมให้รอดพ้นจากทุกช่วงเวลาของชีวิต วันนี้ผมรักในสิ่งที่ผมเป็น และผมพอใจในสิ่งที่ผมเป็น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีผมคงไม่มีวันพูดแบบนี้ได้ ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้ว และขอใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวันก็เพียงพอ”
เฟลป์สรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต แต่อย่างน้อยที่สุดเขาได้รู้จักตัวเองและเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเผชิญ
เหนืออื่นใด คือเขาได้รู้ว่ามีคนที่รักเขามากขนาดไหน
จากความรักที่ไร้ขีดจำกัดของภรรยา วันนี้เฟลป์สตัดสินใจที่จะส่งต่อกำลังใจให้คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าผ่านการเป็นนักพูดในบริษัทบำบัดที่ชื่อ Talkspace โดยมีเป้าหมายจะทำให้สังคมได้ตระหนักถึงโรคซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ผ่านเรื่องเล่าของเรื่องราวที่เขาเผชิญ
“ผมอยากจะสร้างความแตกต่าง ผมอยากจะช่วยชีวิตคนอื่นหากผมพอจะทำได้ และสำหรับผมแล้ว สิ่งนี้มันมีความหมายมากกว่าการได้เหรียญทอง”
3.
ความรักชนะทุกสิ่ง และความรักเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง
สำหรับ รัชวิน วงศ์วิริยะ หรือ ‘ก้อย’ นักแสดงสาว ถึงแม้เธอจะชื่นชอบกิจกรรมที่แอ็กทีฟ เช่น การต่อยมวย หรือปีนเขา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอชอบออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่ถูกมองว่าน่าเบื่ออย่างการวิ่ง
วิ่งบนลู่ในห้องแอร์ที่ไม่เห็นอะไรเลยก็น่าเบื่อ วิ่งบนถนนถึงจะมีวิวแต่ก็มีแสงแดด และสิ่งที่มันแผดเผามาไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับคนที่ต้องใช้ภาพลักษณ์อย่างเธอ ดังนั้นการวิ่งจึงไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจ
แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อ ‘ตูน บอดี้สแลม’ อาทิวราห์ คงมาลัย คนรักเอ่ยปากชวนให้ลองมาวิ่งด้วยกัน 10 กิโลเมตร เธอตอบตกลงอย่างง่ายดาย ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจหรือถนัด แต่เพื่อให้ได้ใช้เวลาร่วมกับเขา กับคนที่เธอรัก เพื่อให้ทั้งสองได้อยู่ในโลกใบเดียวกัน
มันคงไม่ง่ายเหมือนการดูหนังหรือฟังเพลง ก้อยรู้ แต่ก้อยก็อยากพยายาม
ชื่องานวิ่งแรกของเธอก็ฟังดูสร้างแรงบันดาลใจดี ‘วิ่งเปลี่ยนชีวิต’
ประสาหญิงสาว เธอมีภาพในจินตนาการถึงการวิ่งว่าคงจะได้วิ่งเคียงกันไปกับตูน กระหนุงกระหนิง ชี้นกชมไม้ตามรายทาง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือพี่ตูนของเธอวิ่งเร็วมาก ความแตกต่างทางกำลังกายทำให้เธอวิ่งไม่ทัน และสุดท้ายต้องวิ่งคนเดียวแบบเศร้าๆ
สำหรับคนที่เคยวิ่งมินิมาราธอนเป็นงานแรกคงเข้าใจความรู้สึกของการได้เห็นเลขหลักกิโลเมตรที่ขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงแรกของการวิ่งว่า ความท้อที่วิ่งมาตั้งไกลแต่เลขนั้นขยับไปเพียงแค่นิดเดียวมันหนักหัวใจขนาดไหน
ก้อยเองก็ไม่แตกต่าง ที่จุดกลับตัว 5 กิโลเมตร แวบหนึ่งของความคิดเธออยากจะถอดใจไม่ไปต่อ
วิ่งก็วิ่งคนเดียว เหนื่อยก็เหนื่อย เจ็บก็เจ็บ
แต่เธอตัดสินใจจะไปต่อ และสุดท้ายการเข้าเส้นชัยในวันนั้นทำให้เธอรู้ว่าเธอทำได้ เหมือนที่ทุกคนก็ทำได้ มันกลายเป็นการวิ่งเปลี่ยนชีวิตของเธอ
แม้จะเป็นแค่เพียงในขั้นต้นเท่านั้นก็ตาม
การวิ่งยังไม่ใช่ชีวิตจิตใจของก้อย ขณะที่ตูนให้เกียรติคนรักและเคารพการตัดสินใจของเธอเสมอ สิ่งที่เธอทำมากกว่าการวิ่งคือการสนับสนุนและเป็นกำลังใจ ชีวิตนักวิ่งอย่างจริงจังของเธอยังไม่เริ่มต้น
จนกระทั่งถึงวันที่ตูนตัดสินใจเริ่มโครงการก้าวคนละก้าว โครงการใหม่ที่ยาวไกลกว่าเดิม จากเบตงสู่แม่สาย ซึ่งเป็นการตัดสินใจวิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการวิ่งเพื่อผู้อื่นไม่ใช่ตัวเอง
ก้อยตัดสินใจทันทีเช่นกันว่า เธอจะต้องวิ่งเคียงข้างคนรักให้ได้
ตูนขอวิ่งเพื่อคนไทย ก้อยก็ขอวิ่งเพื่อตูน
เส้นทางนี้ยาวไกลมากกว่า 1,400 กิโลเมตร หรือมากกว่าวันแรกที่เธอวิ่งมินิมาราธอนถึง 140 เท่า บนเส้นทางที่ยากลำบากกว่าไม่รู้เท่าไร ก้อยรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังจะเผชิญนั้นหนักหนาสาหัส การเตรียมตัวจึงสำคัญ
แต่ถึงจะตื่นแต่ตี 4 เพื่อมาซ้อมวิ่งระยะทาง 50 กิโลเมตรกับตูน แต่สิ่งที่ซ้อมกับโลกความจริงนั้นแตกต่างกันมาก เส้นทางของจริงนั้นเป็นภูเขาซึ่งต้องใช้ทั้งกำลังกายมากมายมหาศาล และมากกว่านั้นคือกำลังใจที่ห้ามตกแม้แต่ขีดเดียว
รถพยาบาลนั้นอยู่ตรงหน้า หากเธอตัดสินใจว่า ‘พอ’ หรือ ‘ไม่ขอไปต่อ’ ก็ไม่มีปัญหา เธอสามารถขึ้นรถได้ทุกเมื่อ
แต่เมื่อตูนยังวิ่งอยู่ ก้อยก็ขอวิ่งด้วย สุดท้ายทั้งสองก็วิ่งเคียงกันไปจนถึงปลายทางที่แม่สาย กลายเป็นเรื่องราวและความทรงจำที่ล้ำค่ามากที่สุดในชีวิต
มันอาจไม่ใช่ภาพเดียวกับที่เธอเคยจินตนาการไว้ในการวิ่งครั้งแรก เพราะมันงดงามกว่านั้นมาก
ทุกวันนี้ก้อยยังคงวิ่งอยู่ เช่นกันกับตูนที่ไม่เคยหยุดวิ่ง
ไม่ว่าจะวิ่งด้วยกันหรือวิ่งคนเดียว เธอและเขาต่างรู้ดีว่าในเงานั้นมีอีกคนที่อยู่เคียงข้างใจเสมอ
ภาพประกอบ: Nuttarut B.
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- thestandard.co/podcast/stepliferunningstory05/
- edition.cnn.com/2018/08/17/sport/michael-phelps-swimming-depression-olympics-spt-intl/index.html
- www.theplayerstribune.com/en-us/articles/alisson-becker-this-is-for-my-brother
- มูเรียล เบ็คเกอร์ หรือมูเรียล แม้จะไปได้ไม่ไกลเท่าอลิสสัน แต่ก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนกัน ปัจจุบันเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่กับทีมเบเลเนนส์ สโมสรฟุตบอลในลีกโปรตุเกส
- ไมเคิล เฟลป์ส ตั้งใจจะไปโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว แต่คราวนี้ไม่ใช่ในฐานะนักว่ายน้ำแล้ว เพราะเขาพอใจกับเส้นทางนักกีฬา และคิดว่าการจบทุกอย่างไว้แค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากพอแล้ว
- หลังจากวิ่งร่วมกับตูนในโครงการก้าวคนละก้าว ก้อย รัชวิน ได้วิ่งมาราธอนแรกในชีวิตในรายการเกียวโต มาราธอน โดยที่ไม่มีตูนร่วมเดินทางไปด้วย แต่ก็สามารถวิ่งจนจบรายการ และในมาราธอนรายการที่ 2 ของชีวิต มาเก๊า มาราธอน เธอทำเวลาได้ดีเกินคาดคือ 4.05 เป็นที่ 3 ของกรุ๊ปที่เธอลงแข่งขัน ทำเอาตูนดีใจถึงขั้นโพสต์อินสตาแกรมแสดงความยินดีกับคนรักอย่างหวานชื่น