หนึ่งในอุตสาหกรรมที่เป็นเครื่องจักรสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้คืออุตสาหกรรมภาคท่องเที่ยว ที่กลับมาฟื้นตัวได้แข็งแรงจากการเปิดประเทศของประเทศไทยอย่างเต็มที่ จึงทำให้นักลงทุนจำนวนมากมองหาทางเลือกในการลงทุนที่ได้รับประโยชน์ไปกับแนวโน้มนี้ ซึ่งหนึ่งในภาคธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้เป็นอย่างดีคือภาคธุรกิจโรงแรม
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ ‘ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล’ หรือ LHHOTEL กองรีทโรงแรมชั้นนำจากกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ หนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่จะลงทุนเติบโตไปพร้อมกับภาคท่องเที่ยวของประเทศไทย
ปัจจุบัน LHHOTEL เป็นกอง REIT ประเภทโรงแรมที่มีขนาดสินทรัพย์และมูลค่าตามราคาตลาดใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งลงทุนในโครงการโรงแรมชั้นนำในย่านทำเลธุรกิจและท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกอโศก, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ บริเวณราชประสงค์ และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 ในซอยทองหล่อ บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทรัสต์มืออาชีพอย่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund)
ปัจจัยที่ทำให้ LHHOTEL ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกคือ ในปีนี้ LHHOTEL กำลังจะขยายพอร์ตด้วยการลงทุนเพิ่มเติมใน 2 โรงแรมพรีเมียมที่ถือเป็นแลนด์มาร์กของย่านพัทยาเหนือ ได้แก่ โครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัฒนาโดยบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ในเครือบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการและบริหารโรงแรมชั้นนำภายใต้แบรนด์ ‘แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์’
ทำไมต้องเป็นพัทยา?
คำตอบของเรื่องนี้สะท้อนมาจากการที่พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มีงานเทศกาลประจำปีและแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลากหลาย รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้สะดวก ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง รวมทั้งมีสนามบินอู่ตะเภารองรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทางจากนานาชาติ นอกจากนี้ยังจะมีการลงทุนในโครงการระดับชาติ เช่น รถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน, ส่วนขยายท่าเรือน้ำลึก, นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ด้วยความโดดเด่นนี้ ไม่แปลกที่ LHHOTEL จะสนใจเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมในพัทยา
สำหรับโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ตั้งอยู่ใจกลางพัทยา ครึกครื้นไปด้วยผู้คน เป็นโครงการที่ผสมผสานระหว่างสวนน้ำกับโรงแรม ห้องประชุมขนาดใหญ่และทันสมัย สปาและออนเซนวิวทะเลแห่งแรกของประเทศไทย พร้อมทั้งดึงธีมการออกแบบและตกแต่งแบบอวกาศที่โดดเด่นมาใส่ไว้ในส่วนต่างๆ ของโรงแรม เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งสายครอบครัว, สายธุรกิจ, สายโรแมนติก และสายกิน เที่ยว ปาร์ตี้
โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ตั้งอยู่บนศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา แหล่งช้อปปิ้งที่เพียบพร้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อยู่ห่างจากชายหาดพัทยาเพียง 500 เมตร ห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเล และสะดวกในการเดินทางเข้าออกโรงแรมด้วย 3 ถนนเส้นหลัก
ยิ่งหลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ลดลง และการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง ยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ เข้ามา เช่น ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ เป็นต้น อีกด้วย
โดยจากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพัทยาถึง 2 ล้านคน หรือร้อยละ 20 จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 10 ล้านคน ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2565 นี่ยังไม่นับนักท่องเที่ยวไทยอีกเป็นจำนวนมาก
ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เข้ามาทำให้รายได้ของ LHHOTEL เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่แค่พัทยาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรงแรมของ LHHOTEL ในปัจจุบันอีก 3 แห่งที่อยู่ในกรุงเทพฯ ต่างได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง
กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 25 มิถุนายน 2566 พบว่ามีจำนวน 12,464,812 คน เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 539%
ขณะที่ไตรมาส 4 ของปีนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนต่อเดือน จากฤดูกาลการท่องเที่ยวและจำนวนเที่ยวบินตามตารางบินฤดูหนาวที่เพิ่มมากขึ้น
โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางเป้าหมายว่าในปี 2566 ภาคการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้ให้กับประเทศที่ 2.38 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยที่จำนวน 25 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.5 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวในประเทศสร้างรายได้ราว 8.8 แสนล้านบาท
การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวทำให้รายได้ของ LHHOTEL เติบโตไปด้วย โดยงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 กองทรัสต์มีรายได้รวมจำนวน 568.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผลการดำเนินงานของโครงการโรงแรมที่ LHHOTEL เข้าลงทุนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเข้าพักกว่า 90% สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวด้านธุรกิจการท่องเที่ยวภายหลังการคลี่คลายและฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โดยมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 398.54 ล้านบาท และจ่ายปันผลในอัตรา 0.88 บาทต่อหน่วย จากผลประกอบการในช่วง 8 เดือนครึ่ง ของปี 2566
จากการท่องเที่ยวของไทยที่คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของโรงแรมที่อยู่ภายใต้ LHHOTEL ในปัจจุบัน ตลอดจนอีก 2 โรงแรมที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติม ทำให้เราเชื่อมั่นว่า LHHOTEL จะมีผลงานที่สดใสต่อไปในอนาคต
โดยคาดว่าหลังจากลงทุนเพิ่มเติมใน 2 โรงแรม ประมาณการยีลด์หลังเพิ่มทุนสูงถึง 10.5% ในปี 2567 โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ณ วันที่ 27 กันยายน 2566 จองซื้อวันที่ 16–20 ตุลาคม 2566 และประชาชนทั่วไป จองซื้อวันที่ 24–27 ตุลาคม 2566 ผ่านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ของ LHHOTEL สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=528011&lang=th
คำเตือน: ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
อ้างอิง: