กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHFG) กางแผนธุรกิจปี 2565 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 6-7% โดยโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าไฮยีลด์มากขึ้น เล็งใช้เครือข่ายผู้ถือหุ้นดึงลูกค้าธุรกิจไต้หวันเข้าพอร์ต 500 ราย
ชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank เปิดเผยถึงกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจในปี 2565 ว่า ธนาคารได้วางเป้าหมายเติบโตสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ 6-7% โดยในปีนี้จะเป็นปีแรกที่ธนาคารจะเริ่มขยายธุรกิจสินเชื่อไปในกลุ่มลูกค้าที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น กลุ่มลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในต่างจังหวัด หลังจากที่ผ่านมาได้เน้นการเติบโตไปที่กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่และลูกค้าในกรุงเทพฯ เป็นหลัก
ทั้งนี้ ในส่วนของสินเชื่อรายย่อยปีนี้จะมีการขยายฐานลูกค้าสินเชื่อบ้านออกไปยังต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ และจะหันมาเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางมากขึ้น จากที่เคยโฟกัสไปที่กลุ่มผู้กู้บ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป โดยคาดว่าสินเชื่อในส่วนนี้จะเติบโตได้ 20%
ด้านสินเชื่อธุรกิจปีนี้ธนาคารจะเจาะเข้าไปให้บริการกลุ่ม SMEs ที่เป็นซัพพลายเชนของลูกค้ารายใหญ่มากขึ้น ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่อยู่ในต่างจังหวัด โดยธนาคารได้ตั้งฮับที่เป็นศูนย์บริการลูกค้าจำนวน 9 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ และได้พัฒนาช่องทางดิจิทัลเพื่อช่วยให้สามารถบริการลูกค้าได้ดีขึ้น
ขณะที่ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ หรือ Trade Finance ปีนี้ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 30% คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 4,000 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจนำเข้า-ส่งออกของไทยยังมีทิศทางเติบโตได้ดีและได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนไม่มาก
“การขยับลงมาโฟกัสที่ลูกค้าระดับกลางและรายย่อยมากขึ้นจะช่วยให้รายได้เราปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าสัดส่วนของกลุ่มรายย่อยและ SMEs ในพอร์ตสินเชื่อรวมในปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นราว 2-3%” ชมภูนุชกล่าว
สำหรับการดูแลคุณภาพหนี้ในปีนี้ ชมภูนุชระบุว่า ธนาคารจะยังใช้ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพและจะยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อเนื่อง โดยคาดว่า NPL ในปีนี้จะอยู่ในระดับไม่เกิน 3% จากที่ปีก่อนอยู่ในระดับ 2.44%
ฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG กล่าวว่า การเข้ามาถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 35.62% เป็น 46.61% ของ CTBC Bank ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนอันดับ 1 ในไต้หวันในปีที่ผ่านมา จะช่วยยกระดับบริการของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
โดยกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะนำศักยภาพด้าน Digital Banking และความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้วยแพลตฟอร์มโซลูชันทางการเงินที่ครบวงจรของ CTBC Bank มาต่อยอด และร่วมกันพัฒนา Digital Infrastructure และแพลตฟอร์มเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
ขณะเดียวกัน CTBC Bank จะช่วยให้ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าไต้หวันในเมืองไทยมากขึ้น โดยธนาคารมีแผน 5 ปี จะดึงลูกค้าธุรกิจชาวไต้หวันเข้ามาใช้บริการประมาณ 500 บริษัท หรือ 10% จากกลุ่มลูกค้าไต้หวันที่มีศักยภาพในเมืองไทยทั้งหมด 5,000 บริษัท
มนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทยังคงเน้นการเติบโตของสินทรัพย์โดยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่แบบ Asset Allocation มากกว่าที่จะเน้นเป็นรายสินทรัพย์ (Single Asset) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีพฤติกรรมการลงทุนไม่เหมือนกัน รวมทั้งการเพิ่มฐานลูกค้าประเภทสถาบัน และเน้นกลุ่มลูกค้า Ultra High Net Worth รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายรูปแบบใหม่ๆ ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น
สำหรับภาพรวมการบริหารจัดการกองทุนในปี 2564 บริษัทมีขนาดกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ นับรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) มีมูลค่าประมาณ 63,851 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% สำหรับกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) มีขนาดกองทุน 9,418 ล้านบาท เติบโตประมาณ 12% ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) มีขนาดกองทุน 5,808 ล้านบาท เติบโตประมาณ 56%
กานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Securities กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน การเพิ่มช่องทางบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น การเปิดบัญชีและยืนยันตัวตนแบบออนไลน์ การขยายลูกค้าในกลุ่ม Mass ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่เติบโตอย่างโดดเด่นในตลาดการเงินของไทย
