ตลาดลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth Individual: HNWI) ถือเป็นเพชรเม็ดงามตลอดกาลของทุกธุรกิจโดยเฉพาะวงการการเงิน และดูเหมือนการแข่งขันจะดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลของ The Boston Consulting Group (BCG) พบว่าอุตสาหกรรมบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Management) เติบโตเกือบ 20% ในปี 2560 และจากรายงานของ Capgemini Financial Services Analysis 2018 พบว่าประชากรที่ถือเป็นมหาเศรษฐีของไทยมีมากกว่า 1.22 แสนคน ถือครองทรัพย์สินกว่า 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 19.2 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้นต่อเนื่องทุกปี บรรดาธนาคารพาณิชย์จึงยิ่งกระชับพื้นที่ในใจของลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยการจับมือกับพาร์ตเนอร์ต่างชาติเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุน ขณะเดียวกันผู้เล่นรายใหญ่จากเวทีโลกก็ให้ความสนใจและต้องการเจาะตลาดนี้ด้วย
วันนี้ (6 มี.ค.) LGT ไพรเวตแบงกิ้งและการบริหารจัดการสินทรัพย์ระดับโลก ถือครองโดยราชวงศ์แห่งประเทศลิกเตนสไตน์ เปิดสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ ‘บริษัท หลักทรัพย์ แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด (LGT Securities (Thailand) Limited)’ พร้อมให้บริการด้านการลงทุน และการบริหารความมั่งคั่งแก่ลูกค้าในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้มีสำนักงานที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภาคการเงินโลก โดยมีเจ้าชายฟิลลิปป์ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตล์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบริษัท และเจ้าชายฮูเบอร์ตัส อลอยซ์ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตล์ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของ LGT ส่วนคณะผู้บริหารในประเทศไทยได้แก่ กานต์ คฤหเดช กรรมการผู้จัดการและสมาชิกคณะกรรมการบริหาร LGT Bank ประจำภูมิภาคเอเชีย และเอกภพ เมฆกัลจาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับ LGT ถือเป็นบริษัทเอกชนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่สุดในโลก โดยลูกค้า 70% เป็นกลุ่มไพรเวตแบงกิ้ง ขณะที่ลูกค้ากลุ่มสถาบันมีสัดส่วน 30% มีประสบการณ์บริหารทรัพย์สินของราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ยาวนานเกือบ 1 ศตวรรษจนถึงปัจจุบัน และทำธุรกิจในเอเชียมากว่า 30 ปีแล้ว และมีขนาดของสินทรัพย์ที่บริหารจัดการใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของเอเชียแปซิฟิก ผู้บริหารของ LGT แสดงความเห็นว่าลูกค้ากลุ่มความมั่งคั่งสูงในเอเชียส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในกิจการของตนเองและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ตลาดในยุโรปจะพัฒนาไปอีกระดับในการลงทุนที่ตลาดเงิน ซึ่งมีสภาพคล่องสูงกว่า จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนไทยจะได้ทางเลือกการลงทุนใหม่ในต่างประเทศผ่าน LGT ซึ่งการทำธุรกิจในประเทศไทยจากนี้จะไม่เน้นการเติบโตอย่างรวดเร็วเกินไป แต่จะขยายธุรกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความเหมาะสมเหมือนเช่นที่ทำในฮ่องกงและสิงคโปร์
เจ้าชายฟิลลิปป์ทรงให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว THE STANDARD เพียงแห่งเดียว เรื่องความคาดหวังที่พระองค์ทรงมีต่อตลาดในประเทศไทย ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพจำนวนมาก องค์ประกอบด้านเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของไทยถือว่าแข็งแกร่ง ซึ่งธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งสำหรับลูกค้าศักยภาพสูงจะยังเติบโตต่อไปได้ดี ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยายสำนักงานเพิ่มเติมในพื้นที่ใกล้เคียงที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงอย่างกัมพูชาหรือเวียดนามแต่อย่างใด โดยทรงเห็นว่า LGT ให้บริการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และอาจไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจในทุกประเทศแต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์