วันนี้ (13 มกราคม) ที่ห้องประชุมวิวัฒนไชย อาคารไทยซัมมิท พรรคอนาคตใหม่จัดบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘อนาคตงบประมาณไทย อนาคตใหม่ประชาชน’ ซึ่งเป็นประสบการณ์และข้อเสนอการจัดการงบประมาณประเทศฉบับอนาคตใหม่ โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นำทีม ส.ส. และคณะทำงานใน กมธ. พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ร่วมพูดคุย อาทิ ศิริกัญญา ตันสกุล, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร, พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, รอมฎอน ปันจอร์
นอกจากนี้ยังมีการเสวนาย่อย โดยคณะอนุกรรมาธิการ หัวข้อ ‘How To ตัด: ตัดงบอย่างไรให้เหลือเท่าเดิม’ โดย จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์, เอกการ ซื่อทรงธรรม, สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ, สุพิศาล ภักดีนฤนาถ และณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ โดยมีประชาชนที่สนใจการเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก โดยเริ่มต้น ธนาธรได้แนะนำความสำคัญในการจัดงานครั้งนี้ พร้อมทั้งแนะนำตัววิทยากรแต่ละคน และได้กล่าวสรุปปิดท้ายหัวข้อ ‘อนาคตงบประมาณ อนาคตประเทศไทย’
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในหัวข้อดังกล่าวว่า ถ้าพรรคอนาคตใหม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร เงินงบประมาณแผ่นดินจะจัดสรรในการพัฒนาประเทศอย่างไรนั้น ขั้นแรกต้องมองให้เห็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ซึ่งวันนี้มี 5 ปัญหาหลัก ได้แก่ 1. ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ 2. เศรษฐกิจย่ำแย่ 3. การใช้งบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ 4. รัฐราชการรวมศูนย์ และ 5. ขีดความสามารถแข่งขันประเทศที่ลดลง
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ต้องจัดสรรงบประมาณในการแก้ไข หากแต่สถานการณ์วันนี้คือ กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมลดลง เม็ดเงินที่ควรหมุนไปแก้ปัญหาไม่ได้ใช้อย่างจริงจัง มีความเหลื่อมล้ำกับบริการภาครัฐที่ย่ำแย่แม้แต่ในกรุงเทพฯ เช่น ศูนย์เด็กเล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน งบต่อหัวของนักเรียนที่ไม่เคยเพิ่มขึ้นเลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสรุปคือประเทศไทยมีการลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
“หากปัญหาประเทศ 5 ข้อหลักนั้นคือปัจจุบัน ส่วนอนาคตคือวิสัยทัศน์ที่เราอยากเห็น นั่นคือคนเท่าเทียมกัน ไทยเท่าทันโลก ช่องว่างตรงนี้จะต้องถูกอุดด้วยการจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะบทบาทของงบประมาณนั้นคือตัวแทนความฝันและคำสัญญาที่รัฐบาลได้ให้ไว้กับประชาชน คิดฝันอย่างไร จัดสรรงบประมาณไปอย่างนั้น แต่ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เราไม่ได้เห็นการใช้ไปกับเรื่องเหล่านั้นเลย แต่เป็นเพื่อ 2 วัตถุประสงค์คือ 1. ผู้มีอำนาจครองอำนาจต่อไป 2. ซื้อความภักดีเพื่อค้ำยันอำนาจนั้น ไม่เห็นการจัดสรรงบประมาณที่แก้ปัญหาประเทศ” ธนาธรกล่าว
ธนาธรกล่าวต่อไปว่า การจะพาประเทศจากปัจจุบันไปสู่อนาคตที่เราอยากเห็นตามวิสัยทัศน์นั้น ต้องมีปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดขึ้นได้คือ 1. ความมุ่งมั่น 2. มีอำนาจ และ 3. ฐานคิดใหม่ในการจัดสรรงบประมาณ โดยฐานคิดใหม่ของการจัดสรรงบประมาณที่พรรคอนาคตใหม่ของนำเสนอ ได้แก่ 1. เปลี่ยนงบดำเนินการที่ใช้ไปกับสิ่งไม่มีประโยชน์ เป็นงบลงทุนเพื่อตอบโจทย์ 2. อำนาจตัดสินใจใช้งบประมาณต้องให้ท้องถิ่น 3. เมกะโปรเจกต์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วเอื้อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ต้องเปลี่ยนเป็นโครงการขนาดย่อยที่ตอบสนองชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศ และ 4. สวัสดิการที่พิสูจน์ความยากจน ต้องเปลี่ยนเป็นสวัสดิการถ้วนหน้าสำหรับทุกคน
“เรามีทรัพยากรเพียงพอ 3.2 ล้านล้านบาทต่อปี ถ้าเราจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ จะพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้ จะสามารถสร้างสังคมที่คนเท่าเทียมกันได้ ตลอด 3 เดือนในการพิจารณางบประมาณที่ผ่านมา เราทำงานอย่างทุ่มเทเต็มที เพื่อปกป้องผลประโยชน์ ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน ให้สมกับที่ประชาชนได้เลือกเราเข้าไปทำหน้าที่นี้ จากนี้ไปจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น และเราจะตั้งทีมขึ้นมาตรวจสอบติดตามการใช้งบประมาณ 2563 ของรัฐบาลด้วย” ธนาธรกล่าว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า