ป้ายพร้อมข้อความที่ลอยเหนือสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม ชัดเจนกว่าคำพูดใดๆ
‘King Power Clueless Sack The Board’ เป็นข้อความที่สะท้อนความไม่พอใจของแฟนบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่ทีมรักของพวกเขาจะลงสนามในเกมที่แทบไม่เหลืออะไรให้หวังแล้วในการพบกับลิเวอร์พูล
และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ความพ่ายแพ้ต่อจ่าฝูง 0-1 ก็ได้รับการยืนยัน พร้อมกับการตกชั้นกลับไปเล่นในแชมเปียนชิปเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี โดยประตูชัยของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้ตอกฝาโลงปิดฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดฤดูกาลหนึ่งของทัพจิ้งจอกสยาม…แม้เหลือเกมในลีกอีก 5 นัด
2024/25 เป็นฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยปัญหาสำหรับเลสเตอร์…จากทีมที่เคยกลับขึ้นลีกสูงสุดในฐานะแชมป์แชมเปียนชิป กลับกลายเป็นทีมที่คว้าชัยได้เพียง 4 นัด (จาก 33 เกมในลีก) ยิงประตูในบ้านไม่ได้มาเกือบ 5 เดือน เปลี่ยนกุนซือถึง 2 คน และไร้ซึ่งทิศทางที่จะกลับมาดีขึ้นในเวลานี้
จากผลงานที่ย่ำแย่…ก่อให้เกิดวิกฤตศรัทธาจากแฟนบอล ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่มันค่อยๆ สะสมจากรอยร้าวเล็กๆ จนกลายเป็นรอยแยกที่ยากจะประสาน พร้อมคำถามใหญ่ที่ยังไร้คำตอบว่า เลสเตอร์ต้องเปลี่ยนแปลงแค่ไหน ถึงจะได้หัวใจแฟนบอลกลับคืนมาอีกครั้ง?
🦊 จุดเปลี่ยน ‘โค้ช’ ที่ยังไม่เจอคนที่ใช่?
หากจะหาจุดเปลี่ยนที่นำพาเลสเตอร์สู่หุบเหวอีกครั้ง การตัดสินใจปลด สตีฟ คูเปอร์ ในเดือนตุลาคม น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่มั่นใจจากเบื้องบน ไม่ใช่แค่ต่อตัวโค้ช แต่ต่อทิศทางของทีมทั้งหมด
แม้คูเปอร์จะพยายามปรับระบบให้เข้ากับขุมกำลังที่เหลืออยู่ หลังจากยุคของ เอนโซ มาเรสกา ที่เคยวางโครงสร้างไว้ได้อย่างน่าประทับใจจนพาทีมคว้าแชมป์แชมเปียนชิป แต่ความพยายามนั้นกลับดูเหมือนการพายเรือทวนน้ำ เพราะเขาไม่อาจเชื่อมโยงกับนักเตะได้เลย แม้แต่คนที่เคยเป็นหัวใจอย่าง เจมี วาร์ดี ก็ช่วยประคองสถานการณ์ไว้ไม่ได้
การมาถึงของ รุด ฟาน นิสเตลรอย จึงเต็มไปด้วยความหวังว่าจะเป็น ‘มือใหม่ไฟแรง’ ที่ปลุกทีมให้ฟื้น แต่ความจริงกลับโหดร้ายกว่านั้นมาก เพราะใน 22 นัดภายใต้การคุมทีมของเขา เลสเตอร์ชนะเพียง 3 เกม แพ้ถึง 17 นัด รวมถึง 16 จาก 18 เกมหลังสุด
แฟนบอลเริ่มไม่มั่นใจ ผู้เล่นเริ่มตั้งคำถามถึงคุณภาพในการฝึกซ้อม และแม้กระทั่งมีประเด็นกับ แฮร์รี วิงค์ส ที่ถูกดร็อปจากทีมเพราะปฏิเสธคำสั่งให้อยู่ซ้อมเพิ่มนอกเวลา
🦊 วิกฤตศรัทธาที่เกิดกับบอร์ดบริหาร
อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกวิจารณ์หนัก คือความเงียบของบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะ จอน รัดกิน ผู้อำนวยการฟุตบอลที่เคยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในปี 2016 แต่เวลานี้กลายเป็นหนึ่งในเป้าโจมตีหลักจากแฟนบอล
แม้ผู้บริหารอย่าง ซูซาน วีแลน จะพยายามพบปะกลุ่มแฟนคลับอย่าง Foxes Trust และคณะกรรมการที่ปรึกษาแฟนบอล แต่แฟนบอลทั่วไปก็ยังคงรู้สึกว่า ‘สโมสรนี้ไม่ได้ฟังพวกเขาอีกต่อไปแล้ว’
คำถามใหญ่ในตอนนี้คือ ใครจะนำสโมสรแห่งนี้เดินหน้าต่อ?
เพราะ ฟาน นิสเตลรอย ก็ยังไม่รู้ชะตาของตัวเอง โดยล่าสุดเจ้าตัวบอกว่า “ตอนนี้ผมรอความชัดเจนจากทางสโมสร ว่าพวกเขาต้องการเดินหน้าไปอย่างไร เป้าหมายของผมคือการนำสโมสรนี้ก้าวต่อไป และในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ผมจะทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อเลสเตอร์ ซิตี้”
บางที เลสเตอร์อาจไม่เพียงต้องการโค้ชใหม่ แต่ต้องการ ‘ภาวะผู้นำ’ ใหม่ทั้งระบบ เพราะหากยังไม่กล้าล้างไพ่ แม้ในวันที่การเงินตึงตัว วันหนึ่งสโมสรอาจต้องจ่ายในราคาที่แพงยิ่งกว่าการตกชั้น…
🦊 โครงสร้างที่ต้องรื้อก่อนจะเริ่มต้นใหม่
ในทีมชุดนี้มีนักเตะเพียง 3 คนที่หมดสัญญาในฤดูกาลนี้ คือ 2 ผู้รักษาประตูอย่าง ดาเนียล ไอเวอร์เซน และ แดนนี วอร์ด รวมถึงกัปตันทีมวัย 38 ปี เจมี วาร์ดี ผู้เป็นตำนานที่ยิงไป 198 ประตู และยังคงเป็นความภาคภูมิใจสุดท้ายจากยุคทองเลสเตอร์
แต่หากเลสเตอร์ต้องการเปลี่ยนจริง พวกเขาอาจต้องกล้าปล่อยผู้เล่นค่าเหนื่อยสูงที่ไม่ตอบโจทย์แผนระยะยาวออกไป ไม่ว่าจะเป็น วิลฟรีด เอ็นดิดี, ริคาร์โด เปเรย์รา หรือแม้แต่ เว้าท์ ฟาส เพื่อเปิดทางให้ทีมสร้างผู้เล่นใหม่อีกครั้ง
ขณะที่ผู้เล่นอย่าง แมดส์ เฮอร์มันเซน นายทวารดาวรุ่ง เป็นหนึ่งในไม่กี่แสงสว่างที่ยังพอฝากความหวังได้ รวมถึง บิลาล เอล คานนูส ที่อาจมีอนาคตรออยู่ แม้จะยังไม่เปล่งประกายเต็มที่ในปีแรกกับฟุตบอลอังกฤษ
เหนือสิ่งอื่นใด เลสเตอร์ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากกฎ PSR (ความยั่งยืนทางการเงิน) ที่แข็งขึ้นทุกปี หากยังไม่จัดระเบียบบัญชีให้สมดุล การโดนตัดแต้มในอนาคตอาจกลายเป็นระเบิดลูกใหม่ที่รอปะทุ
แต่ในทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่
นี่อาจเป็นโอกาสเดียวของเลสเตอร์ ในการ ‘รีเซ็ต’ ทั้งโครงสร้างทีม วัฒนธรรม และแนวทางการสื่อสารกับแฟนบอลที่ขาดหายไป
พวกเขาอาจต้องถอยหนึ่งก้าวเพื่อก้าวกระโดดกลับไปสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แม้หนทางจะไม่ง่ายเหมือนในปี 2023 เพราะปัญหาที่พวกเขาเผชิญนั้นฝังรากลึกกว่าเดิม และความไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง ยิ่งทำให้อนาคตของทีมตกอยู่ในหมอกควัน
บางทีเลสเตอร์อาจไม่ได้ต้องการแค่โค้ชคนใหม่ แต่ต้องการทิศทางใหม่ วัฒนธรรมใหม่ และความกล้าที่จะกดปุ่มรีเซ็ตทุกอย่าง
เพื่อเรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับคืน และวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตของทัพจิ้งจอกสยามที่ยั่งยืนอีกครั้ง…
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/football/2025/apr/20/leicester-city-relegation-premier-league-liverpool
- https://www.bbc.com/sport/football/articles/cgjlnpw3wxdo
- https://www.telegraph.co.uk/football/2025/04/20/leicester-city-relegated-doomed-season-inside-story/
- https://www.espn.com/soccer/story/_/id/44757020/leicester-relegated-premier-league-championship-2025