ชาวเลบานอนพร้อมใจกันปิดถนนสายหลักในหลายเมืองทั่วประเทศต่อเนื่องกว่า 1 สัปดาห์ เพื่อประท้วงเรียกร้องให้รัฐเร่งยุติวิกฤตเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อมานานกว่า 1 ปีครึ่ง ตลอดจนภาวะอัมพาตทางการเมืองที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา หลังคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของ ฮัสซัน ดิอาบ รักษาการนายกรัฐมนตรีเลบานอน ประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่คลังสินค้าท่าเรือในกรุงเบรุต
โดยกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากนำยางรถยนต์มาจุดไฟเผาขวางถนนเข้าออกเมืองต่างๆ รวมถึงกรุงเบรุต ซึ่งในเมืองไทร์ ผู้ประท้วงชายคนหนึ่งพยายามราดน้ำมันใส่ร่างกายและจุดไฟเผาตัวเองประท้วง แต่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเข้าช่วยเหลือไว้ได้ทัน ส่วนที่ตริโปลีทางตอนเหนือ ประชาชนนำอิฐไปก่อกำแพงขวางถนนสูงกว่า 1 เมตร
“เราบอกหลายครั้งแล้วว่าเหตุการณ์มันจะบานปลาย เพราะรัฐไม่ทำอะไรเลย” หนึ่งในผู้ประท้วงปิดถนนหลวงที่เมืองจาล เอล-ดิบ กล่าว
ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินในเลบานอนปะทุขึ้นตั้งแต่ปี 2019 ส่งผลให้ประชากรเกือบครึ่งจากทั้งหมดกว่า 6 ล้านคนต้องเผชิญภาวะยากไร้ ไม่มีงานทำและเงินเก็บ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงเกือบ 3 เท่า ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องออกมาประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา
ซึ่งการประท้วงปิดถนนเริ่มต้นขึ้นหลังสกุลเงินปอนด์เลบานอนอ่อนค่าลง ทุบสถิติใหม่ กว่า 85% อยู่ที่ 10,000 ปอนด์เลบานอนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เลบานอนต้องเผชิญภาวะอัมพาตทางการเมือง เนื่องจาก ซาอัด อัล-ฮารีรี ว่าที่นายกรัฐมนตรีใหม่ที่ถูกเสนอชื่อเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาล้มเหลวในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เนื่องจากเผชิญปัญหาทางตันในการเจรจาข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลกับประธานาธิบดี มิเชล อูน
ขณะที่เลบานอนจำเป็นต้องได้รัฐบาลใหม่เพื่อพาประเทศออกจากวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากต้องเดินหน้ากระบวนการปฏิรูปเพื่อปลดล็อกเงินช่วยเหลือจากนานาชาติจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภาพ: Houssam Shbaro / Anadolu Agency via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
