ซาอัด ฮาริรี นายกรัฐมนตรีเลบานอน วัย 49 ปี ประกาศลาออกจากตำแหน่งผ่านโทรทัศน์ และเตรียมยื่นหนังสือลาออกต่อประธานาธิบดีมิเชล อูน หลังเผชิญแรงกดดันจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่เกิดขึ้นทั่วประเทศต่อเนื่องเกือบ 2 สัปดาห์
โดยชนวนประท้วง เริ่มต้นจากความไม่พอใจรัฐบาล ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งย่ำแย่ลงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะปะทุขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม หลังรัฐบาลเสนอแผนเก็บภาษีใช้งานบริการโทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชัน WhatsApp (WhatsApp Calls) ตลอดจนมาตรการรัดเข็มขัดหลายรายการ ซึ่งจำนวนผู้ประท้วงเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปักหลักชุมนุมและปิดถนนสายหลัก ทั้งในกรุงเบรุตและหลายเมือง จนฉุดภาวะเศรษฐกิจให้ย่ำแย่ลง และเริ่มเกิดปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่กองทัพเลบานอน ไม่แสดงท่าทีเข้าข้างรัฐบาล ทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อ
ฮาริรีเผยว่าเขาพยายามมาตลอดที่จะหาทางออกของปัญหา และรับฟังเสียงของประชาชน พร้อมทั้งคุ้มครองประเทศจากอันตรายด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคง แต่ตอนนี้เขาเจอทางตัน และถึงเวลาแล้วที่ต้องหาทางออกจากวิกฤตครั้งนี้
“ผมไม่สามารถซ่อนเรื่องนี้จากพวกคุณได้ ผมถึงทางตันแล้ว สำหรับเพื่อนร่วมงานทางการเมืองของผม ความรับผิดชอบของเราวันนี้ คือทำอย่างไรจึงจะคุ้มครองเลบานอนและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้” ฮาริรี กล่าว
การประกาศลาออกของฮาริรีมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังม็อบฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งร่วมตั้งรัฐบาลปรองดองกับฮาริรีจำนวนหลายร้อยคน บุกเข้าไปยังจุดชุมนุมประท้วงหลักในกรุงเบรุต และจุดไฟพร้อมรื้อทำลายเต็นท์และทำร้ายผู้ประท้วงที่ปิดถนน จนกองทัพต้องส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม การลาออกของฮาริรีไม่ใช่เรื่องใหม่ เขารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 3 สมัย ช่วงปี 2009-2011, 2016-2017 และสมัยที่ 3 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2018 ซึ่งเขาลาออกก่อนครบวาระทั้ง 3 สมัย ครั้งแรกเกิดจากปมขัดแย้งในรัฐบาลผสม และข้อครหาเรื่องการคอร์รัปชัน ที่ทำให้เกิดการประท้วงขับไล่รัฐบาล ส่วนครั้งที่ 2 เกิดจากวิกฤตการเมือง หลังซาอุดีอาระเบียกล่าวหาว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ บั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง ขณะที่การลาออกครั้งนี้ ถูกคัดค้านจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ที่หวั่นวิตกว่าอาจฉุดภาวะเศรษฐกิจของประเทศดิ่งลงก้นเหว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: