ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจดุเดือด ทุกคนต่างมีไอเดียสร้างสรรค์ที่พร้อมจะเปลี่ยนโลก แต่เส้นทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ผู้ประกอบการหลายรายต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งการขาดความรู้ความเข้าใจในตลาด การเข้าถึงแหล่งทุน หรือแม้แต่การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น ‘Pain Point’ ที่ฉุดรั้งไม่ให้ธุรกิจเติบโตอย่างที่ควรจะเป็น
แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะ ‘เซ็นทรัลพัฒนา’ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และศูนย์การค้าชั้นนำของประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และพร้อมที่จะเป็น ‘Big Brother’ ที่จะพลิกโฉมวงการธุรกิจรีเทล ด้วยคอร์ส ‘LEAD’ (Leading Entrepreneur Advanced Development) หลักสูตรที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และทะยานสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
LEAD ไม่ใช่แค่คอร์สเรียนธรรมดา แต่เป็นประสบการณ์ ‘เรียนจริง ทำจริง โตจริง’ ที่จะพาคุณไปสัมผัสโลกธุรกิจแบบเข้มข้น เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในวงการค้าปลีก ทดลองตลาดจริงกับพื้นที่ที่มีศักยภาพ และนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณอย่างเป็นรูปธรรม
คุณพร้อมหรือยังที่จะเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ? ถ้าพร้อมแล้ว มาร่วมเปิดประตูสู่โลกธุรกิจยุคใหม่ไปกับ LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนา กันเลย!
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา: ผู้จุดประกายความสำเร็จของผู้ประกอบการรุ่นใหม่
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงที่มาที่ไปของหลักสูตร LEAD ว่า เซ็นทรัลพัฒนาเติบโตเคียงข้างผู้ประกอบการร้านค้ามายาวนานกว่า 40 ปี เราได้เห็นแบรนด์มากมายเริ่มต้นจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล และเติบโตจนเป็นที่รู้จักในระดับประเทศและระดับโลก
ด้วยระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาพื้นที่ เซ็นทรัลพัฒนาจึงมุ่งมั่นที่จะเป็น ‘Place Maker’ ที่ช่วยสร้างและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน
หลักสูตร LEAD จึงถือกำเนิดขึ้นในปี 2017 เพื่อเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา ที่จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มี ‘แพสชัน’ และ ‘แนวคิดสร้างสรรค์’ ให้มีโอกาสเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และเติบโตไปพร้อมกัน
หลักสูตร LEAD รวม 5 รุ่นที่ผ่านมา ได้สร้างเครือข่ายของแบรนด์กว่า 180 แบรนด์ และสร้างมูลค่าทางธุรกิจรวมกว่า 2.5 พันล้านบาท มีการขยายสาขาและหน้าร้านเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 165% เมื่อเทียบกับปีแรกที่เริ่มโครงการ หลายแบรนด์ที่เข้าร่วมโครงการได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและสามารถขยายธุรกิจไปยังสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ
ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวว่า หลักสูตร LEAD โดยเซ็นทรัลพัฒนา ไม่ได้จำกัดเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ ‘ทุกคนโตได้’ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ต่างก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน หลักสูตร LEAD เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ทดลองตลาด ขยับขยายธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเปิด Pop-up, Kiosk หรือร้านค้าถาวร
เรียนรู้จากตัวจริง สู่ความสำเร็จที่จับต้องได้
หลักสูตร LEAD ไม่ใช่แค่การเรียนรู้ทฤษฎี แต่เป็นการ ‘เรียนรู้จากตัวจริง’ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงแก่นแท้ของธุรกิจค้าปลีก ผู้เชี่ยวชาญจากเซ็นทรัลพัฒนาจะมาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ตรงในทุกด้าน ตั้งแต่การวิเคราะห์ตลาด การสร้างโมเดลธุรกิจ การบริหารจัดการ ไปจนถึงการสร้างแบรนด์และการตลาด
โอกาสที่ไม่ควรพลาด:
- Fast Track Learning: เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของผู้เชี่ยวชาญ ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก
- Retail Ecosystem: เข้าถึงระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัลพัฒนา
- Business Model: สร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาดและลูกค้า
- The 1 BIZ: เข้าถึงเครื่องมือ CRM ที่ทรงพลังที่สุดในประเทศไทย
- Sustainability: สร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.ณัฐกิตติ์ ทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรมี ได้แก่ ทักษะที่เหมาะสม ความหลงใหล วิจารณญาณที่ดี ทัศนคติของผู้ประกอบการ และความร่วมมือ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมั่นคง
ผศ.ปิติพีร์ รวมเมฆ: สร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง
ผศ.ปิติพีร์ รวมเมฆ ที่ปรึกษาโครงการ LEAD ได้ให้สัมภาษณ์อย่างเจาะลึกถึงหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 6 ที่กำลังจะเปิดรับสมัครในปีนี้ โดยมีธีมหลักคือ ‘Growth & Sustainability’ หรือการเติบโตและความยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจในยุคปัจจุบัน
ผศ.ปิติพีร์ กล่าวว่า หลักสูตร LEAD รุ่นที่ 6 นี้ ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การปั้นธุรกิจให้เติบโต แต่ยังมุ่งเน้นการปั้นผู้ประกอบการให้มีความรู้ความสามารถในการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยหลักสูตรนี้จะเน้นการสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับธุรกิจของตนเอง การวิเคราะห์ตลาด การวางแผนกลยุทธ์ และการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
“เราเชื่อว่าผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนนั้นต้องมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจของตนเองเป็นอย่างดี และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว” ผศ.ปิติพีร์ กล่าว
Business Health Check: ประเมินสุขภาพธุรกิจ สู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง
จุดแข็งของหลักสูตร LEAD คือการผสมผสานระหว่าง ‘Knowledge’ และ ‘Know-How’ โดยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจริง พร้อมทั้งมีโอกาสได้ลงมือทำธุรกิจจริงในพื้นที่ที่มีศักยภาพ
ซึ่งหนึ่งในจุดเด่นของหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 6 คือการทำ ‘Business Health Check’ ซึ่งเป็นกระบวนการประเมินสุขภาพของธุรกิจอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มองเห็นภาพรวมของธุรกิจตนเองอย่างชัดเจน ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคต่างๆ
“Business Health Check เป็นเหมือนการตรวจสุขภาพประจำปีของธุรกิจ” ผศ.ปิติพีร์ อธิบาย “เมื่อเรารู้ว่าธุรกิจของเรามีปัญหาอะไร เราก็สามารถหาวิธีแก้ไขได้อย่างตรงจุด และทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง”
การคิดอย่างเป็นระบบและมีกลยุทธ์: กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
หลักสูตร LEAD รุ่นที่ 6 ยังเน้นการสอนให้ผู้ประกอบการคิดอย่างเป็นระบบและมีกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยผู้เรียนจะได้เรียนรู้จากกรณีศึกษาต่างๆ และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเอง
“การคิดอย่างเป็นระบบและมีกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการในยุคปัจจุบัน เพราะจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ และนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน” ผศ.ปิติพีร์ กล่าว
กิจกรรมพิเศษที่ไม่เหมือนใคร: เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกัน
นอกจากการเรียนรู้ในห้องเรียนแล้ว หลักสูตร LEAD ยังมีกิจกรรมพิเศษต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกัน เช่น
- Pop-up Market: โอกาสในการทดลองตลาดจริง และได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้าโดยตรง
- Content Marketing: เรียนรู้การสร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าสนใจและดึงดูดลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์
- Digital Marketing: เรียนรู้เทคนิคการทำการตลาดดิจิทัล เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
- Mentoring: รับคำปรึกษาและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในเครือเซ็นทรัล
“ที่ผ่านมาธุรกิจแบบ SMEs มักจะเริ่มจากแพสชัน ความชอบของตัวเอง ทำให้ไม่สามารถคิดแบบเป็นระบบ หรือบางครั้งโตตามกระแส ที่วันนี้เราต้องยอมรับว่ามาเร็วไปเร็ว ดังนั้นเราจึงมองหาแบรนด์ที่มีศักยภาพ แต่ที่ผ่านมาอาจจะลองผิดลองถูก มาปั้นให้เติบโตและสร้างความยั่งยืน ซึ่งในที่นี้คือการเติบโตไปเรื่อยๆ และเติบโตแบบออร์แกนิก โดยเลือกจากสินค้าและบริการที่สามารถแข่งขันและต่อยอดได้ ซึ่งบางครั้งผู้ทำเองอาจจะยังมองไม่เห็นโอกาส ดังนั้นหลักสูตร LEAD จึงต้องการให้ธุรกิจยั่งยืนจริงๆ ท่ามกลางการแข่งขันของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป” ผศ.ปิติพีร์ กล่าวทิ้งท้าย
3 แบรนด์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก LEAD รุ่นที่ 5: เรื่องราวความสำเร็จที่สร้างแรงบันดาลใจ
Self. Smoothie: สมูทตี้เพื่อสุขภาพที่ไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่เป็นไลฟ์สไตล์
“Self. Smoothie ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์สมูทตี้ แต่เป็นแบรนด์ที่ทำให้เราอยากกลับมารักตัวเอง” มายด์-ณภัสสร ฉลาดมานะกุล ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Self. Smoothie กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
Self. Smoothie ไม่ใช่แค่ร้านขายน้ำผลไม้ปั่นธรรมดา แต่เป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นที่จะสร้างนิสัยการรักสุขภาพให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘Self สร้างนิสัยการรักสุขภาพที่ไม่ต้องแลกด้วยความพยายาม’ Self. Smoothie นำเสนอสมูทตี้ที่ไม่เพียงแต่รสชาติอร่อย แต่ยังเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากผักและผลไม้สดๆ ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน
ณภัสสรย้ำว่า Self. Smoothie ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความยั่งยืนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบจากเกษตรกรท้องถิ่น การใช้เทคโนโลยี Shock Freeze เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการของผักและผลไม้ ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“เราเชื่อว่าความยั่งยืนของธุรกิจเริ่มต้นจากการสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้าและสังคม เราใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด และมั่นใจได้ว่า Self. Smoothie เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ” ณภัสสรกล่าว
Product Development and Customer Experience: สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ใหม่ๆ
Self. Smoothie ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย นอกจากสมูทตี้แล้ว ยังมี Self. Snack ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ และ Self. Merchandises สินค้าที่ระลึกสำหรับแฟนๆ ของแบรนด์
“เราต้องการให้ Self. Smoothie เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า เราจึงพยายามสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีกับตัวเองและมีความสุขกับการดูแลสุขภาพ” ณภัสสรกล่าว
Self. Smoothie ไม่ได้จำกัดกลุ่มลูกค้าเฉพาะผู้ที่รักสุขภาพเท่านั้น แต่ยังขยายไปยังกลุ่มแม่และเด็กอีกด้วย โดยนำเสนอสมูทตี้รสชาติอร่อยที่เด็กๆ ชื่นชอบ และคุณแม่มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
“เราเห็นโอกาสในการเติบโตในกลุ่มแม่และเด็ก เราเชื่อว่า Self. Smoothie สามารถเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ที่ต้องการให้ลูกได้รับประทานผักและผลไม้ในรูปแบบที่อร่อยและสะดวก” ณภัสสรกล่าว
Growth and Success: การเติบโตและความสำเร็จที่ไม่หยุดยั้ง
Self. Smoothie เริ่มต้นจากร้าน Pop-up เล็กๆ แต่ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีเยี่ยม ทำให้แบรนด์ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและสามารถขยายสาขาไปยังหลายพื้นที่
“เราเชื่อว่าความสำเร็จของ Self. Smoothie มาจากการที่เราใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การผลิต ไปจนถึงการบริการลูกค้า เราจะไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ Self. Smoothie เป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารักและไว้วางใจ” ณภัสสรกล่าว
สิ่งที่ Self. Smoothie ได้จาก LEAD:
- มุมมองและการลงมือทำอย่างมั่นใจ: LEAD ช่วยให้ Self. Smoothie มองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น และสามารถวางแผนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เครือข่ายและความร่วมมือ: LEAD เปิดโอกาสให้ Self. Smoothie ได้พบปะและแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ประกอบการคนอื่นๆ ทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ และความร่วมมือทางธุรกิจ
- คำแนะนำและแรงบันดาลใจ: LEAD ให้คำแนะนำและแรงบันดาลใจในการพัฒนาธุรกิจ ทำให้ Self. Smoothie มุ่งมั่นที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
Bottomless Coffee Roasters: กาแฟสเปเชียลตี้ที่ไม่ใช่แค่รสชาติ แต่เป็นประสบการณ์
“Bottomless เริ่มต้นจาก Home Coffee Lover” หมู-นพพล อมรพิชญ์ปรัชญา ผู้ก่อตั้ง Bottomless Coffee Roasters เล่าถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์
Bottomless Coffee Roasters ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟสเปเชียลตี้ทั่วไป แต่เป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์กาแฟที่พิเศษให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยการคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากทั่วโลก และการคั่วกาแฟด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน
หนึ่งในความท้าทายที่ Bottomless Coffee Roasters ต้องเผชิญคือการรักษาคุณภาพของกาแฟให้คงที่ในทุกสาขา เพื่อเอาชนะความท้าทายนี้ Bottomless Coffee Roasters ได้ลงทุนในซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดกาแฟ การคั่ว ไปจนถึงการชง
“เราเชื่อว่าคุณภาพของกาแฟเริ่มต้นจากเมล็ดกาแฟ เราจึงใส่ใจในการคัดสรรเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกที่ดีที่สุด และคั่วกาแฟด้วยความพิถีพิถัน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติกาแฟที่แท้จริง” นพพลกล่าว
ความจริงที่นอกเหนือจากกาแฟ:
Bottomless Coffee Roasters ไม่ได้หยุดอยู่แค่การขายกาแฟ แต่ยังพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ เช่น ผงช็อกโกแลต ผงชาไทย มัทฉะ รวมถึงขนมและอาหารที่ทำเอง
“เราต้องการให้ Bottomless Coffee Roasters เป็นมากกว่าร้านกาแฟ เราต้องการสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับโลกของกาแฟอย่างเต็มรูปแบบ” นพพลกล่าว
Bottomless Coffee Roasters ให้ความสำคัญกับการลงทุนใน ‘หัวใจของธุรกิจ’ นั่นคืออุปกรณ์ เครื่องมือ และบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกอบรมบาริสต้าให้เชี่ยวชาญในการชงกาแฟ
“เราเชื่อว่าคนคือหัวใจสำคัญของธุรกิจ เราจึงลงทุนในการฝึกอบรมบาริสต้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด” นพพลกล่าว
สิ่งที่ Bottomless Coffee Roasters ได้จาก LEAD:
- ความเข้าใจในธุรกิจที่ลึกซึ้งขึ้น: LEAD ช่วยให้ Bottomless Coffee Roasters เข้าใจถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจ ทำให้สามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เครือข่ายและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์: LEAD เปิดโอกาสให้ Bottomless Coffee Roasters ได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ประกอบการคนอื่นๆ ทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ และความร่วมมือทางธุรกิจ
- แรงบันดาลใจและพลังใจ: LEAD ให้แรงบันดาลใจและพลังใจในการพัฒนาธุรกิจ ทำให้ Bottomless Coffee Roasters มุ่งมั่นที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
HOLEN: ของขวัญและของที่ระลึกที่ไม่ใช่แค่สินค้า แต่เป็นเรื่องราว
“HOLEN คือแบรนด์สินค้าของขวัญ ของที่ระลึก ไลฟ์สไตล์ ดีไซน์น่ารักเป็นเอกลักษณ์ด้วยคาแรกเตอร์ลิงยักษ์จากวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์” ปอ-วิพาสน์พร ศรีพุ่ม ผู้ก่อตั้งแบรนด์ HOLEN กล่าว
HOLEN ไม่ใช่แค่แบรนด์ขายของที่ระลึก แต่เป็นแบรนด์ที่ต้องการนำเสนอเรื่องราวและวัฒนธรรมไทยผ่านผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์และมีคุณภาพ
HOLEN ใช้ ‘Thai Soft Power’ หรือพลังความนุ่มนวลของไทย ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์และน่าจดจำ โดยนำเสนอเสน่ห์ของตัวละครจากวรรณคดีไทย เช่น หนุมาน มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น
“เราเชื่อว่าวัฒนธรรมไทยมีความสวยงามและมีคุณค่า เราจึงอยากนำเสนอความเป็นไทยในรูปแบบที่ทันสมัยและเข้าถึงง่าย เพื่อให้คนทั่วโลกได้รู้จักและหลงรักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น” วิพาสน์พรกล่าว
ยาดม HOLEN: สินค้าขายดีที่ผสานคุณค่าสมุนไพรไทยและความคิดสร้างสรรค์
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ HOLEN คือยาดม ที่ไม่ใช่แค่ให้ความสดชื่น แต่ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่น่ารักและเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาดมกลิ่นดอกโมก (ธาตุลม) ที่มีคาแรกเตอร์หนุมานเป็นสัญลักษณ์
“ยาดม HOLEN เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างคุณค่าสมุนไพรไทยและความคิดสร้างสรรค์ เราต้องการให้ยาดม HOLEN เป็นมากกว่ายาดมธรรมดา แต่เป็นของที่ระลึกที่มีคุณค่าและน่าจดจำ” วิพาสน์พรกล่าว
ที่น่าสนใจคือ HOLEN ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ล่าสุดได้เปิดตัว ‘โฮเล่น อโรมาดม’ ผลิตภัณฑ์ที่ให้ลูกค้าสามารถ Customize กลิ่นและส่วนผสมได้ตามต้องการ
“เราต้องการให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โฮเล่น อโรมาดม เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ แต่เป็นประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้สัมผัสและจดจำ” วิพาสน์พรกล่าว
HOLEN ยังได้รับโอกาสในการนำเสนอความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก ในงาน Thai Festival Tokyo 2024 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยนำคาแรกเตอร์หนุมานมาเป็นธีมหลักของงาน และนำผลิตภัณฑ์ของ HOLEN ไปจัดแสดงและจำหน่าย
“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในงาน Thai Festival Tokyo 2024 หวังว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะช่วยให้คนญี่ปุ่นได้รู้จักและหลงรักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น” วิพาสน์พรกล่าว
Original Story: สร้างเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
HOLEN กำลังพัฒนา Original Story หรือเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อสร้างมูลค่าทางการตลาดและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
“เราเชื่อว่าเรื่องราวเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างแบรนด์ เราต้องการสร้าง Original Story ที่จะทำให้ HOLEN เป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของลูกค้าตลอดไป” วิพาสน์พรกล่าว
สิ่งที่ HOLEN ได้จาก LEAD:
- การมองเห็นโอกาสใหม่ๆ: LEAD ช่วยให้ HOLEN มองเห็นโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาธุรกิจ เช่น การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ หรือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
- ความร่วมมือและเครือข่าย: LEAD เปิดโอกาสให้ HOLEN ได้ร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
- แรงบันดาลใจและความมั่นใจ: LEAD ให้แรงบันดาลใจและความมั่นใจในการพัฒนาธุรกิจ ทำให้ HOLEN มุ่งมั่นที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จในระดับโลก
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ยอดเยี่ยมประจำหลักสูตร LEAD รุ่นที่ 5 ได้แก่ KIM & CO. และ COVE
KIM & CO. โดย ต้องตา อาชาเทวัญ
เดิมเป็น Unisex Multibrand Store สไตล์เกาหลี ที่รวมแบรนด์ Local Fashion & Lifestyle มากกว่า 200 แบรนด์ ต้องตากล่าวว่า การเข้ามาเรียนในหลักสูตรนี้คือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ทำให้เห็น Core Strength ของตัวเอง ทำให้กล้าที่จะพัฒนาแบรนด์ใหม่ๆ อย่างมีกลยุทธ์ และเหนือความคาดหวังของลูกค้า มีโอกาสลองตลาดกับ Pop-up Market ของ LEAD รุ่นที่ 5 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก สร้างยอดขาย YTD โตขึ้น 300% และยังสามารถต่อยอดธุรกิจ ขยายสาขาจาก 3 สาขา เป็น 17 สาขาได้ภายใน 6 เดือน
COVE
เกิดจากความมุ่งมั่นของ เอกพล วงศ์ภัทรกุล ในการพัฒนากระเป๋าและกระเป๋าเดินทางที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า ทันสมัย ในราคาที่คุ้มค่า จับต้องได้ หลังเข้าหลักสูตร LEAD ทำให้มีการวางแผนในการออกสินค้าใหม่อย่างเป็นระบบ มีความแม่นยำในการเลือกสินค้าใหม่มากขึ้น ทำให้สามารถเติบโตได้เกือบ 100% ภายใน 1 ปี
LEAD: ปั้นธุรกิจไทยสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ท้ายที่สุด นี่ไม่ใช่แค่หลักสูตรพัฒนาผู้ประกอบการ แต่ LEAD คือแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจไทยมากมาย ด้วยแนวคิดการสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง หลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่ปั้นธุรกิจให้เติบโต แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างผู้ประกอบการที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
เรื่องราวความสำเร็จของ Self. Smoothie, Bottomless Coffee Roasters และ HOLEN จาก LEAD รุ่นที่ 5 เป็นตัวอย่างยืนยันถึงศักยภาพของหลักสูตรในการส่งเสริมและผลักดันธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน LEAD ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาธุรกิจได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การสร้างแบรนด์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด ไปจนถึงการขยายธุรกิจ
เซ็นทรัลพัฒนายังคงมุ่งมั่นที่จะเป็น ‘Place Maker’ ที่ช่วยสร้างและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสานต่อความสำเร็จของหลักสูตร LEAD ภายใต้ธีม ‘Growth & Sustainability’ หรือการเติบโตและความยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจในยุคปัจจุบัน
ถ้าคุณพร้อมที่จะเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มาร่วมเปิดประตูสู่โลกธุรกิจยุคใหม่ไปกับ LEAD กันเลย!