หลังเปิดตัวโมเดล MAMA Station ท้าชนหม้อไฟเกาหลีไปไม่นานนัก ‘มาม่า’ แย้มอีกไม่นานจะมีสาขาแฟลกชิปสโตร์เอาใจคนรักเส้น พร้อมรุกเปิดตัวร้าน CRAZE MAMA ปักหมุดในไอคอนสยาม ยกสารพัดเมนูมาม่าพรีเมียม ท็อปปิ้งกุ้งล็อบสเตอร์และซีฟู้ด ราคาเริ่มต้น 599-980 บาท เน้นจับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติที่มีกำลังซื้อ
“สำหรับคอนเซปต์ร้านเป็นการผสมผสานบรรยากาศร้านที่ถอดแบบมาจากโรงงานมาม่า ตั้งใจทำให้เป็นศูนย์รวมของคนที่ชอบกินเส้น เราเริ่มเปิดให้บริการในกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เริ่มมีลูกค้าต่างชาติ ทั้งจีน ตะวันออกกลาง และเวียดนาม รวมถึงไทย ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ถ้าเทียบกับร้านในเทอร์มินอล 21 อโศก ที่เป็นสาขาแรก” พันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการสำนักกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ‘มาม่า’ กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
หากย้อนไปในช่วงกลางปีที่ผ่านมา มาม่าเริ่มมองเห็นช่องว่างและโอกาสที่จะสร้างแบรนด์มาม่าในธุรกิจอาหาร จึงได้มีการพูดคุยและจับมือกับ 2 พันธมิตร ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ และร้านล่าเมียว เปิดตัวร้านอาหาร ‘แซ่บ มิวเซียม’ ซึ่งเป็นการดึงเอาจุดแข็งของแต่ละแบรนด์มาผสมผสานกันพัฒนาเมนูซิกเนเจอร์ มาม่าหม้อไฟทะเลเดือด โดยมีเป้าหมายจับกลุ่มลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ เพราะนักท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่กลับมา
แต่ในทางกลับกัน กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาในร้านคือพนักงานออฟฟิศ จึงต้องปรับเมนูใหม่ให้รับประทานสะดวกและมีราคาเข้าถึงง่าย หันมาโฟกัสกลุ่มลูกค้าคนไทย พร้อมปรับจากการใช้ชื่อแบรนด์แซ่บ มิวเซียม มาใช้ชื่อ Craze Mama by Zaab Museum แทน แม้ช่วงที่เปิดแรกๆ การตอบรับจะยังไม่ดีมากนัก แต่ปัจจุบันเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ร้าน CRAZE MAMA อยู่ภายใต้บริษัท LMSK THAI FOOD ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือบริษัท CB TA TRADING COMPANY LIMITED เจ้าของร้านล่าเมียว โดยมาม่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหาร เพียงแต่จะช่วยสนับสนุนเรื่องของแบรนด์และการทำตลาดในบางส่วนเท่านั้น
พันธ์กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันบริบทสังคมและพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน การทำธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องค่อยๆ ไปทีละสเต็ป
เช่นเดียวกับโมเดล MAMA Station ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ปัจจุบันยังมี 3 สาขาเท่าเดิม คือ ลาดพร้าว เพชรเกษม และสุคนธสวัสดิ์ ในรูปแบบร้านอาหารนั่งกิน 20-30 ที่นั่ง หลังจากเปิดให้บริการก็มีกระแสไวรัลผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคอยากเข้ามาชิม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ขณะนี้ยังถือเป็นโมเดลช็อปทดลอง ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับระบบหลังบ้าน รวมถึงพัฒนาเมนูและสูตรให้ได้มาตรฐาน โดยได้จ้างเชฟทำอาหารและให้ทีม R&D มาม่ามาช่วยกันคิดค้นสูตรให้ลงตัว และต้องอร่อยเหมือนกันทุกสาขา เพื่อรองรับการขยายสาขาแฟรนไชส์ในอนาคต ที่สำคัญผู้ประกอบการที่จะมาร่วมทุนกับเราจะต้องมีรายได้และไม่ขาดทุน
ขณะเดียวกันปัจจุบันได้จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเป็นเจ้าของร่วมกัน เปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์ใน 3 สาขาเป็นผู้ถือหุ้นหลักและเป็นผู้บริหารร้าน มาม่ามีหน้าที่สนับสนุนระบบหลังบ้าน วัตถุดิบ การพัฒนาเมนู การทำตลาด โดยเป้าหมายไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องกำไรเป็นหลัก แต่โฟกัสที่ Brand Awareness เป็นหลัก
สเต็ปต่อไป สาขาที่จะเปิดใหม่เราต้องการให้เป็น ‘แฟลกชิปสโตร์’ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาทำเลและศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ขณะนี้ต้องยอมรับว่าเราติดปัญหาเรื่องพื้นที่ จึงทำให้แผนงานช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้บ้างเล็กน้อย
และอีกหนึ่งช่องทางรายได้ของ MAMA Station คือการรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ เริ่มมีลูกค้าที่จัดงานอีเวนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานเลี้ยง งานคอนเสิร์ต สั่งอาหารไปออกงานประมาณ 300-400 ชามต่อครั้ง ซึ่งราคาอยู่ประมาณ 70-80 บาท ถือว่ามีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภาพลักษณ์ของมาม่าไม่จำเป็นต้องราคาถูกอย่างเดียว แต่ต้องคุ้มค่าและสามารถต่อยอดไปได้ตั้งแต่ระบบแมสจนถึงพรีเมียม อนาคตอาจจะเห็นมาม่าออกสินค้าพรีเมียมราคา 50 บาท ก็เป็นไปได้หมด เพราะต่างชาติยังทำได้
“เราอาจจะกังวลไปเองว่าผู้บริโภคจะไม่ตอบรับ เพราะสุดท้ายในแง่ของราคาผู้บริโภคจะเป็นคนตัดสินใจ และส่วนใหญ่ต่างมองที่ความคุ้มค่าและความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก” พันธ์กล่าว