วานนี้ (30 มิถุนายน) หนังสือพิมพ์ Vientiane Times อ้างอิงรายงานฉบับหนึ่งระบุว่า พลเมืองลาวที่ทำงานในต่างประเทศส่งเงินกลับบ้านเฉลี่ยปีละ 412 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.45 หมื่นล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 2.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
รายงานจากธนาคารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (BOL) หรือธนาคารกลาง สปป.ลาว ถูกเสนอต่อการประชุมเพื่อเปิดตัวนโยบายเกี่ยวกับการโอนเงินใน สปป.ลาว เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมี สิททิรด ราชพน อธิบดีสถาบันวิจัยการพัฒนา (DRI) สังกัดกระทรวงแผนการและการลงทุนของ สปป.ลาว และ ชารีน ทูลาดาร์ หัวหน้าองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ประจำ สปป.ลาว เป็นประธานการประชุม
ทีมวิจัยจาก DRI และ IOM ประจำ สปป.ลาว ทำการศึกษาเกี่ยวกับการโอนเงินใน สปป.ลาว ซึ่งผลการศึกษาบ่งชี้ว่าพลเมืองลาวที่ทำงานในต่างประเทศมักโอนเงินให้ครอบครัวเฉลี่ย 1 ใน 3 ของจำนวนเงินออมในแต่ละเดือน โดยพลเมืองลาวที่ทำงานในต่างประเทศส่วนใหญ่จะโอนเงินผ่านผู้ให้บริการ เช่น ร้านขายของชำ ร้านโทรศัพท์ สถานีบริการเชื้อเพลิง และบริษัทออนไลน์อิสระอื่นๆ
วิธีการโอนเงินส่งกลับบ้านข้างต้นหมายความว่าการตรวจสอบธุรกรรมและการปกป้องกระบวนการโอนเงินไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการในปัจจุบัน โดยคำแนะนำที่อ้างอิงในผลการศึกษาจะสนับสนุนการปรับปรุงการจัดการโอนเงิน ซึ่งรวมถึงการควบคุมต้นทุนในการโอน
ด้าน ถนองไซ สุกคำทัด รองอธิบดี DRI กล่าวว่าผลการศึกษาชี้ว่าการโอนเงินมายัง สปป.ลาว กำลังเพิ่มขึ้น และมีส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยกระแสการโอนเงินระหว่างประเทศกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นว่าเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญใน สปป.ลาว
อ้างอิง:
- สำนักข่าวซินหัว