วันนี้ (5 กรกฎาคม) เซีย จำปาทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้แสดงความคิดเห็นถึงนโยบายแรงงาน 5 ข้อ ที่ พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ แถลงในวันแรกของการเข้าทำงาน
โดย เซีย แสดงความผิดหวังที่นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยหลายอย่างไม่ถูกกล่าวถึง รวมถึงไม่มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนในการปรับค่าจ้างตามสัญญาหาเสียง
สำหรับนโยบายแรก ‘AI เพื่อยกระดับแรงงานไทย’ เซียระบุว่าจะติดตามว่าแนวทางการพัฒนาหลักสูตร AI ให้สอดคล้องกับภาคการผลิตและบริการจะมีรูปธรรมอย่างไร เนื่องจากเมื่อพิจารณารายละเอียดงบประมาณรายจ่ายปี 2569 แทบไม่พบโครงการอบรมใหม่ๆ จึงตั้งข้อสังเกตว่ารัฐมนตรีจะปรับรูปแบบการพัฒนาฝีมือแรงงานอย่างไร
ในประเด็น ‘การคุ้มครองแรงงานอย่างเท่าเทียม’ ที่รัฐมนตรีกล่าวว่าจะผลักดันกฎหมายคุ้มครองแรงงานใหม่ให้ครอบคลุมคนทำงานนอกระบบกว่า 21 ล้านคน เซียตั้งข้อสังเกตว่า ต้องจับตาดูว่าพรรคเพื่อไทยจะลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่พรรคประชาชนเสนอเข้าสภาแล้วหรือไม่ ซึ่งร่างดังกล่าวขยายความคุ้มครองถึงคนทำงานนอกระบบและการจ้างงานรูปแบบใหม่ เช่น ไรเดอร์และไลน์แมน
นอกจากนี้ เซียยังกล่าวถึงปัญหาการคุ้มครองแรงงานที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2562 ที่มีแรงงานกว่า 43,000 คนถูกเลิกจ้างแต่นายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย และรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ แต่รัฐมนตรีพงศ์กวินไม่ได้กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหานี้
สำหรับนโยบายที่สาม ‘Learn to Earn’ ที่รัฐมนตรีจะสนับสนุนให้เยาวชนหารายได้เสริมระหว่างเรียน เซียเห็นว่าการแถลงยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม และจะติดตามการดำเนินงานต่อไป
ในส่วนของนโยบายที่สี่ ‘สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจด้วยการยกระดับรายได้ให้แก่แรงงานไทย’ ที่รัฐมนตรีมอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งยกระดับรายได้ของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่ยังได้รับค่าจ้างไม่ถึง 400 บาทต่อวัน ซึ่งมีประมาณ 1.8 ล้านคน โดยระยะแรกจะฝึกอบรมพัฒนาทักษะ รวมถึงพัฒนากลไกค่าจ้างขั้นต่ำและโครงสร้างค่าจ้างให้มีประสิทธิภาพในระยะยาว
เซียไม่เห็นด้วยกับตัวเลข 1.8 ล้านคน และแนะนำให้รัฐมนตรีลงพื้นที่หาข้อมูลด้วยตนเอง ไม่ใช่รับฟังจากข้าราชการเพียงอย่างเดียว เพราะอาจนำไปสู่นโยบายที่ไม่ตรงจุด นอกจากนี้ การที่รัฐบาลเพื่อไทยปรับขึ้นค่าแรงเพียงบางกิจการหรือบางพื้นที่ และ ไม่มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนสำหรับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันในปี 2570 ทำให้แรงงานสูญเสียความเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะทำได้จริง
สุดท้ายคือ นโยบาย ‘การจัดระเบียบคนทำงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน’ เซียเห็นว่ารัฐมนตรีเข้าใจบทบาทสำคัญของแรงงานข้ามชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และจะติดตามว่าการเปิดลงทะเบียนแบบศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) รัฐมนตรีจะเอาจริงเอาจังไม่ปล่อยให้มีการเรียกรับผลประโยชน์เหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ โดยยกตัวอย่างกรณีตำรวจสอบสวนกลางเพิ่งรวบข้าราชการมหาดไทยที่กินหัวคิวบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) ซึ่งเรียกเก็บเกินค่าธรรมเนียมจริง
เซีย สรุปว่า วันนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยเลือกพงศ์กวินมาดำรงตำแหน่งด้วยเหตุผลใด แต่สิ่งที่พูดได้จากการแถลงนโยบายวันแรกคือ ความผิดหวังที่นโยบายหาเสียงหลายอย่างของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ถูกกล่าวถึง จึงขอฝากถึงรัฐมนตรีคนใหม่ให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ พร้อมย้ำว่าจะติดตามอย่างใกล้ชิดว่าเมื่อร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานทุกฉบับของพรรคประชาชนเข้าสู่การพิจารณาในสภา จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยหรือไม่