×

ใบไม้เปลี่ยนสี ภาพที่ถ่ายยังไงก็สวยไม่พอ และเกียวโต

26.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins read
  • คําถามเรื่องช่วงเวลาไปชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นเรื่องที่ตอบยาก ข้อแรกที่ต้องคํานึงถึงคือจะไปดูที่ไหน เพราะทั่วญี่ปุ่นมีจุดที่สวยงามมากมาย แต่ละจุดมีช่วงเวลาเปลี่ยนสีต่างกัน ไม่เพียงแค่ภูมิภาคที่ต่างกัน เวลาที่ต่างกัน ระดับความสูง ปริมาณ และอุณหภูมิก็มีผลกับใบไม้ทั้งนั้น

ถ้าถามผมว่าชอบประเทศไหนมากที่สุดตั้งแต่เคยไปมา ตั้งแต่เด็กจนโตก็ยังไม่มีดินแดนไหนบนโลกนี้มาล้มล้างคําตอบอันหนักแน่นของผมว่า ‘ญี่ปุ่น’ ได้เสียที ถึงแม้ความตื่นเต้นในการไปญี่ปุ่นจะลดลง กลับกลายเป็นความคุ้นเคยขึ้นมาแทน

 

เกียวโตมีเรื่องราวให้เล่าต่อเสมอ

 

ยิ่ง 2-3 ปีหลังนี้ เมื่อได้ไปปีละ 5-6 รอบ ตั้งแต่ฮอกไกโด ลากยาวลงไปถึงโอกินาว่า เรียกได้ว่าเกือบครบทั้งประเทศจนบางครั้งซื้อของก็รู้สึกไม่อยากขอคืนภาษี เพราะมาบ่อยจนอยากจะจ่ายภาษีให้รัฐบาลของประเทศที่ผมหลงใหลแห่งนี้ไปบ้าง

 

แต่ที่สําคัญ ผมปฏิเสธที่จะมาญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลตลอด เพราะญี่ปุ่นเป็นชาติแห่งการเข้าคิว ช่วงเทศกาลเป็นช่วงที่คนเยอะทั้งคนญี่ปุ่นเองและนักท่องเที่ยวต่างชาติ การเที่ยวในช่วงเวลานี้คงเริ่มต้นด้วยการต่อคิว แต่บางครั้งเราก็หนีช่วงเวลาเทศกาลไปไม่ได้ตลอด เพราะมีเสียงจากทางบ้านลั่นขึ้นมาว่า “อยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสี” หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ แผนการเที่ยวช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเดือนพฤศจิกายนของผมก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับความรู้สึกเฉยชาอย่างยิ่งและเสียงก้องในหัวว่า “โอเค ไปก็ไป!”

 

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง

 

คําถามเรื่องช่วงเวลาไปชมใบไม้เปลี่ยนสีสําหรับผมเป็นเรื่องที่ตอบยาก ข้อแรกที่ต้องคํานึงถึงคือจะไปดูที่ไหน เพราะทั่วทั้งญี่ปุ่นมีจุดที่สวยงามมากมาย แต่ละจุดมีช่วงเวลาเปลี่ยนสีต่างกัน ไม่เพียงแค่ภูมิภาคที่ต่างกัน เวลาที่ต่างกัน ระดับความสูง ปริมาณ และอุณหภูมิก็มีผลกับใบไม้ทั้งนั้น ในจังหวัดเดียวกัน บนภูเขาอาจจะเปลี่ยนไวกว่าที่ราบ แต่ถ้าคิดแบบรวบรัดคือเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม ไล่ตั้งแต่เหนือสุดอย่างเกาะฮอกไกโด ยาวลงไปถึงเกาะคิวชู สะดวกบินไปลงที่ไหน เดินทางแบบไหน ก็ค่อยไปทําการบ้านต่อจากทําเลนั้นๆ ว่าไปชมจุดไหนดี จากนั้นก็ค่อยลุ้นว่าคุณจะได้จังหวะที่พอดี ได้ชมความงดงามของธรรมชาตินี้หรือไม่

 

มีหลายเมืองทีเดียวที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามในช่วงเวลานี้ให้ลองชั่งน้ำหนัก ทั้ง นิกโกะ (Nikko), คาวากูชิโกะ (Kawaguchiko), ทาคายาม่า (Takayama), วาคายาม่า (Wakayama) แต่ส่วนตัวยอมแพ้ให้กับ ‘เกียวโต’ (Kyoto) เพราะเป็นเมืองที่ผมชื่นชอบที่สุดในญี่ปุ่น หลังจากได้มาเยือนเมืองนี้แล้ว 3 ครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอเสียที

 

 

หลังจากได้รายชื่อสถานที่หลักๆ 4-5 แห่ง บวกกับสถิติของช่วงวันที่ใบไม้ตามสถานที่เหล่านี้กำลังเปลี่ยนสีได้เต็มที่ นั่นคือช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน

 

ส่วนตัวมองว่าถ้าเราเลือกไปปลายเดือน สีใบไม้น่าจะสวยกว่า เหตุผลข้อแรกคือปัจจัยเรื่องของฝน ถ้าใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว ความแข็งแรงของใบไม้ที่ยึดติดกับกิ่งก้านจะลดลงตามธรรมชาติ เหตุเพราะใกล้ถึงช่วงเวลาร่วงโรยตามสภาพอากาศ ฉะนั้นถ้าไปช่วงหลัง เกิดระหว่างทางดันมีฝนตกหนัก ผมคงไปเสียเที่ยวเป็นแน่ เหตุผลต่อมาคือหลังจากการสืบดูรูปจากที่ต่างๆ ย้อนหลัง กลับชื่นชอบช่วงเวลาที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนแบบหลากสีมากกว่าแดงสดสีเดียว มันคือความตั้งใจที่อยากเก็บภาพถ่ายราวกับโดนสีน้ำโทนร้อนสาดจากปลายพู่กันมาปะปนกันแบบไม่ตั้งใจมาเก็บไว้เป็นที่ระลึกโดยเฉพาะ

 

สถานที่หลักๆ ที่เลือกเอาไว้คือแถบภูเขาอาราชิยาม่า (Arashiyama) ทางตะวันตกฝั่งชานเมืองเกียวโต ซึ่งมีวัดเท็นริวจิ (Tenryuji) และบริเวณแม่น้ำคัตสึระ (Katsura) เป็นจุดหมายยอดนิยม และอีกที่คือวัดโทฟูกิจิ (Tofukuji) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเรื่องใบไม้เปลี่ยนสี ส่วนสถานที่ที่เลือกไว้เป็นมุมสงบคือวัดนิโซนอิน (Nison-in) และวัดโจจัคคุจิ (Jojakkoji) ที่อยู่ทางเดียวกับภูเขาอาราชิยาม่า แต่ต้องเดินจากสถานีผ่านบ้านเรือนย่านนั้นไปราวๆ 2 กิโลเมตร

 

ความตระหง่านของวัดโจจัคคุจิ

 

อันที่จริงละแวกนี้ยังมีอีกหลายวัดที่เปิดให้เข้าชมใบไม้ แต่ที่เลือกสองวัดนี้เพราะมีหน้าตาของสวนญี่ปุ่นที่แลดูแตกต่างกันออกไป โดยที่นิโซนอินนั้น จุดขายอยู่ที่ทางเดินเข้าวัดที่สองข้างเป็นกิ่งไม้ที่เต็มไปด้วยใบไม้สีต่างๆ โน้มลงมาทําให้สีปะปนกัน ส่วนวัดโจจัคคุจิจะมีทางขึ้นเขาที่งดงาม และมีเจดีย์อยู่บนเนินสูงสุด ซึ่งได้บรรยากาศที่แตกต่างกัน

 

สีสันของธรรมชาติไม่เคยหมด

 

หลังจากเดินไปเรื่อยๆ ยามเช้าจากสถานีรถไฟมาจนถึงหน้าทางเข้าวัดนิโซนอิน ทันทีที่มาถึงทางเข้าหลัก จากความรู้สึกที่เฉยชากับการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ และกับช่วงเทศกาลของที่นี่ ความรู้สึกทั้งหมดก็เปลี่ยนไปทันที

 

ภาพตรงหน้าคือสะพานที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างหยุดชะงักและตะลึงกับภาพความสวยงามตรงหน้าไม่แพ้กัน ความงามนี้ถึงขนาดที่คนไม่ชอบรออะไรนานๆ ก็ยังต้องซูฮกเพื่อคิวถ่ายรูปมุมเด็ดนี้ แต่กลับพบว่าถ่ายยังไงก็ไม่สวยเท่าที่ตาเห็น

 

กล้องถ่ายรูปที่แขวนคออยู่ถูกหยิบขึ้นมากดชัตเตอร์รัวตั้งแต่ยังไม่ทันได้ซื้อตั๋วเข้าไปในวัดเสียด้วยซ้ำ ทางเดินเต็มไปด้วยสีสันหลากเฉดของใบไม้หลายหมื่นหลายแสนใบ สวยกว่าที่ผมเคยเห็นในรูปจริงๆ เสียอีก เรียกว่า 360 องศารอบตัวดึงดูดให้อยากเก็บภาพประทับใจนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะช่างเป็นภาพความประทับใจที่สวยสดทุกมุมจริงๆ

 

 

มาถึงวัดโจจัคคุจิที่มีภูมิทัศน์และพื้นที่แตกต่างจากวัดแรก แต่เรื่องความงามนั้นไม่เป็นรองกันเลย เราเดินทางมาถึงช่วงที่แสงแดดกำลังสะท้อน ส่งให้ใบไม้หลากสีปะปนกันตามที่คาดหวังไว้อย่างงดงาม

 

ตกเที่ยง ผมเดินต่อไปสู่วัดเท็นริวจิ ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่านักท่องเที่ยวจะต้องหนาแน่นบริเวณนี้ ผมเลยเดินสับขามายังริมแม่น้ำ เริ่มที่สะพานโบราณ โทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo) เพื่อเดินย้อนกลับไปทางภูเขา สังเกตว่ายิ่งเดินไกลเท่าไร คนก็น้อยลงเรื่อยๆ เพราะจำนวนร้านค้าน้อยลงเรื่อยๆ แต่กลับมีมุมที่สวยงามให้ได้ชื่นชมไม่แพ้ก่อนหน้าเลยสักนิด

 

ภาพวาดในฝันที่กลายเป็นเรื่องจริง

 

เรามาถึงวัดโทฟุคุจิ (Tofukuji) จุดไฮไลต์แห่งการชมใบไม้เปลี่ยนสีในมุมสูงจากบนสะพานแล้ว และแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าก็เป็นใจให้เราได้เก็บเกี่ยวภาพความงดงามตรงหน้าได้อย่างเต็มอิ่ม เราเดินเข้าตามทิศทางที่วัดจัดเอาไว้ให้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเดินผ่านสวนตรงกลางวัด เป็นโชคดีแท้ๆ ที่เหล่าต้นไม้แทบทั้งสวนเรียกว่าแข่งกันอวดสีสันไม่ให้น้อยหน้ากันสักนิด

 

สาวเท้ามาถึงสะพานไม้อันเป็นจุดขายหลักของวัดแห่งนี้ และแล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะความสวยงามที่ต้นไม้ทุกต้นทํางานร่วมกับอุณหภูมิและฤดูกาลได้อย่างลงตัว ก่อให้เกิดภาพศิลปะตามธรรมชาติที่มนุษย์ไม่มีวันประดิษฐ์ภาพที่เห็นตรงหน้ามาเลียนแบบได้

 

ความวิจิตรของธรรมชาติทำให้เราประหลาดใจได้เสมอ

 

ภาพตรงหน้าผมคือสะพานที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างหยุดชะงักและตะลึงกับภาพความสวยงามตรงหน้าไม่แพ้กัน ความงามนี้ถึงขนาดที่คนไม่ชอบรออะไรนานๆ ก็ยังต้องซูฮกเพื่อคิวถ่ายรูปมุมเด็ดนี้ แต่กลับพบว่าถ่ายยังไงก็ไม่สวยเท่าที่ตาเห็น

 

ณ เวลานั้น ผมยอมรับว่าเลนส์ตาของเราใช้งานได้ดีกว่าเลนส์กล้องราคาสูงเสียอีก

 

แดดอ่อนๆ ยามเช้ากับผู้คนที่สัญจรไปมา

 

สําหรับผม มาเกียวโตกี่ทีก็ยังประทับใจ และที่สําคัญ การมาเยือนเกียวโตในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีครั้งนี้ทําให้ผมกลับมาตื่นตาตื่นใจกับการมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้ง จากรู้สึกเฉยๆ มานานทําให้เริ่มอยากออกตามหาจุดหมายใหม่ที่น่าทึ่งไม่มีจบของประเทศนี้อีก

 

ยังไม่ทันถึงวันเดินทางกลับก็มีคําถามขึ้นมาจากผู้ร่วมเดินทางว่า “แล้วช่วงซากุระล่ะ น่าไปดูตรงไหน”

 

และผมก็มีคําตอบเงียบๆ อยู่ในใจแล้ว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising