หลังไคลี เจนเนอร์ ออกมาทวีตข้อความส่วนตัวผ่านแอ็กเคานต์ @KylieJenner เชิงบอกเป็นนัยว่าเธอไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดีย Snapchat อีกต่อไปแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา มูลค่าบริษัท Snap บริษัทแม่ของ Snapchat ก็ร่วงระเนระนาดคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 41,000 ล้านบาท เท่านั้นยังไม่พอเพราะราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทก็ยังตกลงอีก 7.2%
ทวีตข้อความชนวนเหตุหุ้นตกของ Snap โดยไคลีถูกรีทวีตไปมากกว่า 57,000 ครั้งและถูกไลก์ไปกว่า 300,000 ครั้ง มีใจความดังนี้ “มีใครอีกไหมที่ไม่ได้เปิดแอปฯ Snapchat อีกแล้ว หรือมีแค่ฉันคนเดียว … นี่มันเศร้าสุดๆ เลย”
หลังจากนั้นไม่นาน ไคลีได้ตอบกลับทวีตข้อความของตัวเองว่า “แต่ยังคงรักนายนะ Snap … รักแรกของฉัน”
เชื่อกันว่าสาเหตุที่ทำให้ไคลี เจนเนอร์ บอกกับผู้ติดตามบนโลกออนไลน์จำนวนกว่า 24.5 ล้านคนในทวีตเตอร์ว่าเธอไม่เล่น Snapchat อีกแล้วน่าจะเป็นผลมาจากการปรับดีไซน์อินเทอร์เฟซการใช้งานแบบใหม่ของ Snapchat ขณะเดียวกันอีกกระแสข่าวก็เชื่อว่าเธอน่าจะหันไปใช้เวลาส่วนตัวดูแล สตอร์มี เว็บสเตอร์ ลูกสาวของเธอที่เพิ่งคลอดนั่นเอง
ด้านมารค์ เมย์ นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงิน Citigroup ได้ปรับลดราคาซื้อขายหุ้นของ Snap ให้ขายในระดับกลางเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่เจ้าตัวได้เห็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์แง่ลบของผู้ใช้เป็นจำนวนมากกับการรีดีไซน์แอปฯ Snapchat โฉมใหม่ ซึ่งมาร์คมองว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจจะนำไปสู่ยอดเอ็นเกจเมนต์การใช้ตัวแอปพลิเคชันที่ลดลงจากเดิม และอาจจะส่งผลให้สถานะทางการเงินของ Snap ย่ำแย่ได้
เมื่อช่วงกลางเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา eMarketer บริษัทรับให้คำปรึกษาข้อมูลและผลวิจัยทางการตลาดจากสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่าผู้สูงอายุในสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะหันมาใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กมากขึ้น ส่วนวัยรุ่นจะหันไปนิยมเล่น Snapchat แทนเพื่อหนีผู้ใช้งานอายุเยอะ อย่างไรก็ดี eMarketer ก็เชื่อว่ายอดผู้ใช้งานของ Snapchat อาจจะตกลงได้หากพวกเขาพัฒนาแอปพลิเคชันให้ผู้สูงอายุเข้ามาเล่น เพราะวัยรุ่นจะมองว่าแอปฯ นี้ไม่เจ๋งอีกต่อไป
อ้างอิง: