เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ กุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ลงนามเอกสารลับ อส.0033/8 ที่ส่งถึง พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวน
ความว่าด้วยในการสอบสวนคดีอาญาของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 คดีที่ 724/2566 คดีอาญาที่ 468/2566 หรือคดีที่พบว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ของมินนี่ ซึ่งสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทุ่งมหาเมฆ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ขอให้อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เข้าเป็นที่ปรึกษาสอบสวนคดีดังกล่าว
อัยการสูงสุดมอบหมายให้ กุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และ สุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 คนใดคนหนึ่งเข้าให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวน และเริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้แจ้งเชิญให้เข้าให้คำแนะนำปรึกษา ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นมา และขณะนี้ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนอยู่ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการที่เข้าให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนดังกล่าว
โดย พ.ต.อ. ภาคภูมิ พิศมัย ผู้ต้องหากับพวกรวม 8 คน ซึ่งผู้ต้องหาแต่ละคนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีหนังสือร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนของพนักงานอัยการดังกล่าว แต่พบว่าผู้ต้องหาผู้ร้องเรียนได้แนบเอกสารภาพถ่ายที่ปรากฏภาพของ กุลธนิต มงคลสวัสดิ์ และ สุริยน ประภาสะวัต ซึ่งภาพถ่ายมีลักษณะเป็นภาพถ่ายที่มีผู้เฝ้าติดตามและแอบถ่ายในขณะที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่
จึงให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตรวจสอบและหาตัวบุคคลแอบถ่ายแล้ว และในเบื้องต้นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตรวจพบแล้วว่ามีผู้แอบถ่ายภาพดังกล่าว ประกอบกับข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนไม่จำเป็นต้องใช้ภาพถ่ายในลักษณะดังกล่าวเป็นหลักฐาน แต่การที่ผู้ต้องหาผู้ร้องเรียนทั้ง 8 ใช้ภาพถ่ายดังกล่าว เป็นพฤติการณ์ให้เห็นว่าต้องการให้พนักงานอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่ได้พบเห็นและรู้ว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหาเฝ้าติดตามการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันโดยตลอด เป็นการกระทำโดยมิชอบในเชิงการคุกคามข่มขู่ให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดภยันตรายต่อชีวิตร่างกายของพนักงานอัยการผู้ปฏิบัติหน้าที่และบุคคลภายในครอบครัว
ทั้งได้กระทำต่อพนักงานอัยการชั้นผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยที่ผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายระดับต่างกันมีอำนาจหน้าที่ในการรักษากฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และทราบว่ายังคงรับราชการอยู่ แต่มีพฤติการณ์กระทำโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายอันอาจเข้าข่ายขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวนเพื่อประโยชน์ส่วนตนโดยไม่สุจริต มีอำนาจหน้าที่และมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่สามารถสั่งการได้
คดีนี้เป็นคดีสำคัญ มีการกระทำความผิดเป็นกระบวนการ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายในหลายระดับถูกสอบสวนดำเนินคดี ย่อมทำให้พนักงานอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่เกิดความกลัวว่าจะเกิดภยันตรายต่อชีวิตร่างกายของตนเองและบุคคลในครอบครัวเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ และหากมีการปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ต่อไป โดยที่ยังไม่ปรากฏว่าสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมาตรการที่จะปกป้องคุ้มครองพนักงานอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างไร เป็นหลักประกันให้พนักงานอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุดังกล่าว
กุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 จึงกราบเรียนอัยการสูงสุดพิจารณาอนุญาตให้หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ไว้ชั่วคราว จนกว่าสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการในมาตรการปกป้องคุ้มครองเป็นหลักประกันพนักงานอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่รวมทั้งบุคคลในครอบครัวให้มีความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินในการปฏิบัติหน้าที่ โดยหากอัยการสูงสุดอนุญาตให้หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ จะได้แจ้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และพิจารณาดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์การกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาและตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้อง และรายงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปโดยเร่งด่วนด้วย
มีรายงานว่าสำหรับนายตำรวจคนดังกล่าวที่แอบถ่ายภาพอธิบดีอัยการดังกล่าวเป็นนายตำรวจยศรองผู้กำกับการสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ล่าสุดถูกคำสั่งย้ายไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยรองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นผู้ลงนามเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา