‘กรุงศรี ฟินโนเวต’ เผย 7 เดือนแรกปีนี้ ตัวเลขลงทุนในสตาร์ทอัพวูบจากสภาวะ Down Round ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ยังมั่นใจเงินลงทุนในสตาร์ทปีนี้จะสูงกว่าปี 2020 พร้อมเผยเทรนด์ ‘6 Tech’ ที่ Venture Capital สนใจจะลงทุนในปี 2023
แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ได้เผยทิศทางและแนวโน้มการลงทุนของเหล่า Venture Capital (VC) หรือธุรกิจเงินร่วมลงทุนทั่วโลกในปี 2023 ภายในงาน ‘Krungsri Envisioning The Future’ โดยงานจัดขึ้นที่ชั้น 19 เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท เกษรทาวเวอร์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา
แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวในงาน Krungsri Envisioning The Future ว่าตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา การลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลกช่วงปี 2018-2020 นั้นจะมีตัวเลขการลงทุนเท่าๆ กัน โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมต่อปีอยู่ที่เฉลี่ยปีละ 290 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ปี 2021 นั้นนับเป็นปีทองของการลงทุน โดยทั่วโลกมีมูลค่าการลงทุนรวมแตะถึง 620 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในไทยที่แม้ว่าจะอยู่ในช่วงวิกฤตโควิดแต่ก็มีมูลค่าการลงทุนสูงเช่นเดียวกัน
ส่วนทางกรุงศรี ฟินโนเวตเองก็เป็นปีที่ลงทุนมากที่สุด โดยมีเหตุและปัจจัยที่เอื้อต่อการตัดสินใจลงทุนที่เพิ่มขึ้นในปี 2021 คือความมั่นใจในการลงทุนในบริษัทที่สามารถอยู่รอดได้ในวิกฤตที่ผ่านมา รวมถึงการเจรจาร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพก็ทำได้ง่ายขึ้นในช่วงโควิด พอมาสู่ปี 2022 ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงเดือนกรกฎาคมนั้น มีตัวเลขของการลงทุนลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะเห็นว่ายังไม่ถึง 50% ของปี 2021 แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขการลงทุนปี 2022 จะโตกว่าปี 2020 แน่นอน
แซมกล่าวว่า ปัจจุบันจะเกิดการ Down Round หรือการที่ Valuation ของสตาร์ทอัพนั้นลดลงกว่าที่เคยเป็น แต่ก็มองเป็นเรื่องปกติที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้ และหลายๆ สตาร์ทอัพในยุคนี้ก็ยอมรับการ Down Round ได้ เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่สวยหรูจากการ Projection ของ 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันตัวเลขของการลงทุนในสตาร์ทอัพทุกสเตจได้ลดลงกว่า 25% โดยเฉลี่ย ซึ่งจะเห็นได้ชัดในสตาร์ทอัพที่เป็น Late Stage โดยในปี 2021 นั้น สหรัฐอเมริกาได้มีการปิดดีลการลงทุนใน Late Stage ประมาณ 700 ดีล
โดยในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2022 เกิดดีลการลงทุนเพียง 285 ดีลเท่านั้น แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่แย่มากเมื่อเทียบกับปี 2020 ที่ปิดดีลการลงทุนไปได้เพียง 272 ดีล
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าว สหรัฐอเมริกายังคงครองอันดับ 1 ในด้านตัวเลขการลงทุน ซึ่งมีมากกว่า 2,700 ดีล หรือเป็นตัวเลขการลงทุนอยู่ที่ 53 พันล้านดอลลาร์ ส่วนเอเชียรองลงมาเป็นอันดับที่ 2 ตัวเลขมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 27 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ายุโรป
“ตัวเลขนี้สะท้อนว่าตลาดเอเชียยังเป็นตลาดใหญ่ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะไปกระจุกที่ประเทศจีนแต่ ณ วันนี้เริ่มกระจายออกแล้ว โดยกระจายไปทางอินเดีย อินโดนีเซีย ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าอินโดนีเซียมีหลาย Unicorn ที่เกิดขึ้นมาในช่วงปีหลังนี้ ถัดลงมาก็เป็นที่สิงคโปร์ ส่วนประเทศไทยนั้น Fund Flow ก็เริ่มมาแล้วเช่นกัน” แซมกล่าว
ทั้งนี้ แซม กล่าวต่อว่า 6 Tech ที่ Venture Capital สนใจจะลงทุนในปี 2023 เพื่อให้เป็นข้อมูลกับสตาร์ทอัพไทย ดังนี้
- DeFi หรือที่เราเรียกว่า Decentralized Finance วันนี้เราเห็นการเติบโตของ Decentralized Finance สูงขึ้นมาก มีเทคโนโลยีที่ต้องการตัดคนกลางออก เราเห็นตลาดของ DeFi ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
- Metaverse คือกลุ่มหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จากการที่ตลาดกำลังพัฒนาใน Web 3.0
- Cyber Security ยังคงมาแรงอยู่เรื่อยๆ และกระโดดขึ้นมากในปี 2021 เนื่องจากเมื่อมีการเพิ่มขึ้นของการทำธุรกรรมไร้ตัวกลาง ก็ทำให้เกิดอาชญากรรมทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นตามด้วย
- Climate Tech/ESG ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปคนจะไปลงทุนในกลุ่มนี้มากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าบริษัทไหนก็ตามที่ใส่ใจในเรื่องของ Sustainability, ESG, Climate Tech, Climate Change จะถือเป็นบริษัทที่ดี และจะใช้ของที่ดีให้กับลูกค้า
- Buy Now Pay Later (BNPL) จริงๆ แล้วธุรกิจนี้จะโฟกัสที่คนที่ยังไม่มีเครดิต หรือสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มคนเหล่านี้สามารถซื้อสินค้า สมัครแล้วจ่ายชำระหรือผ่อนได้เลย
- Ultrafast Delivery ธุรกิจนี้เริ่มมีมานานแล้วและมีจำนวนมากมาย โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งความเร็วในการส่งของให้ลูกค้านั้นเริ่มเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจกลุ่มนี้ โดยมีสตาร์ทอัพที่สามารถส่งของให้ลูกค้าภายในเวลา 15 นาที
“และนี่ก็คือ 6 ธุรกิจที่เราเห็นว่ามันกำลังมาอย่างรวดเร็วและเป็นสิ่งที่ VCs ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างยิ่ง” แซมกล่าวปิดท้าย
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP