จากกรณีที่ครูวิภา บานเย็น วัย 47 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร ถูกบังคับคดี หลังค้ำประกันให้กับนักเรียนที่กู้ยืมเงิน กยศ. ตั้งแต่ปี 2541-2542 จำนวน 60 ราย แต่มีลูกศิษย์ที่ค้างชำระจนถูกฟ้องร้องดำเนินคดี 21 รายนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ครูวิภาเปิดเผยว่า ตนได้ชำระหนี้ กยศ. แทนลูกศิษย์เป็นจำนวนเงิน 2.7 แสนบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งส่วนตัวรู้สึกดีใจมากที่หลุดพ้นจากการเป็นผู้ค้ำประกัน ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องหมายศาล หรือกังวลว่าคนจะมายึดทรัพย์สินอีกต่อไป ซึ่งขณะนี้กำลังรอหนังสือยืนยันจาก กยศ. ว่าหมดภาระในฐานะผู้ค้ำประกันแล้ว
นอกจากนี้ยังได้รับความช่วยเหลือจากอดีตนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง และคณะ พร้อมด้วยแม่ชี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร รวมถึงผู้ใหญ่อีกหลายท่านที่ให้ความอนุเคราะห์ จึงนำเงินส่วนนี้ไปตั้งเป็นกองทุนชำระหนี้ กยศ. เพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีความเดือดร้อน และมีภาระจนไม่สามารถชำระหนี้ได้
ซึ่งขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้คือการติดตามทวงหนี้นักเรียนที่ค้างชำระกองทุนดังกล่าวจำนวน 20 คน โดยได้รับความช่วยเหลือจากนายธัชชัย สีสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ในการประสานทุกหน่วยงานในจังหวัดเพื่อค้นหาที่อยู่นักเรียนที่เคยกู้ดังกล่าว และติดตามทวงหนี้เป็นรายบุคคลต่อไป
“หลังจากติดตามทวงหนี้เป็นรายคนไป มีเด็กบางคนยินดีที่จะคืนเงินให้ครูแล้ว ครูจะเอาเงินที่ได้รับคืนจากลูกศิษย์ตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่เดือนร้อน ซึ่งครูหวังว่าลูกศิษย์ของครูเป็นคนดี มีความรับผิดชอบจะมาคืนเงินให้ครู และอยากจะขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เข้ามาช่วยเหลือตนให้ประสบความสำเร็จ และหลุดพ้นจากภาระการเป็นผู้ค้ำประกัน” ครูวิภา กล่าว
สำหรับสถานะการดำเนินงานของ กยศ. ปัจจุบัน พบว่ามีผู้กู้ยืมทั่วประเทศจำนวน 5.4 ล้านราย คิดเป็นงบประมาณให้กู้ยืมกว่า 5.7 แสนล้านบาท มียอดเงินค้างชำระ 6.8 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากมีข่าวกรณีเบี้ยวหนี้ กยศ. ส่งผลให้ปี 2561 มีลูกหนี้ กยศ. เข้ามาชำระหนี้มากขึ้นเป็น 2.6 หมื่นล้านบาท จากปกติที่ชำระประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: