ให้รางวัลเป็นแรงจูงใจในการฉีดวัคซีนได้ผลหรือไม่? หลัง Krispy Kreme บอกว่าแจกโดนัทฟรีไปแล้ว 1.5 ล้านชิ้น แก่ชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีน

ต้องใช้อะไรบ้างในการโน้มน้าวให้ผู้คนออกมารับการฉีดวัคซีนโควิด-19? ตั้งแต่โดนัทฟรีไปจนถึงการจ่ายเงินหลายล้านดอลลาร์ กลุ่มภาครัฐและเอกชนในอเมริกาต่างพยายามทำทุกอย่างเพื่อกระตุ้นให้ชาวอเมริกันออกมารับวัคซีนอย่างเร็วที่สุด

ในเดือนมีนาคม Krispy Kreme เป็นหนึ่งในธุรกิจแรกๆ ที่เปิดตัวข้อเสนอที่เป็นแรงจูงใจให้คนออกมาฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศ โดยจะมอบโดนัทให้ฟรีแก่ผู้ที่มีบัตรฉีดวัคซีน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Krispy Kreme ระบุว่าได้แจกโดนัทไปแล้วกว่า 1.5 ล้านชิ้น โดยที่ข้อเสนอดังกล่าวยังมีอยู่จนถึงสิ้นปี

“เราเป็นแบรนด์ระดับชาติแบรนด์แรกที่เปิดตัวแคมเปญเพื่อแสดงถึงการสนับสนุนชาวอเมริกันที่เลือกรับวัคซีน และเราหวังว่าคนอื่นๆ จะเข้าร่วมกับเรา” เดฟ สเกนา (Dave Skena) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Krispy Kreme กล่าว

“ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่เห็นบริษัท องค์กร ชุมชน และแม้แต่หน่วยงานของรัฐจำนวนมาก สนับสนุนและจูงใจให้ผู้คนออกมาปกป้องตนเองและผู้อื่นด้วยการฉีดวัคซีน”

ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแสดงให้เห็นว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรสหรัฐฯ ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยตัวเลขอยู่ที่ 166.7 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 50.5% จากประชากรทั้งหมด ขณะที่ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วมีจำนวน 135.1 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 40.7% แม้จะดูเป็นจำนวนที่มากจากข้อมูลพบว่า อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ลดลงทั่วประเทศ

ในขณะที่บางรัฐ เช่น นิวเจอร์ซีย์และคอนเนตทิคัต กำลังเสนอเบียร์หรือเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ฟรีเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากออกมารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในรัฐอื่นๆ เช่น โอไฮโอ และแมริแลนด์ กลับได้ไปไกลกว่านั้นมาก

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแมริแลนด์จัดการจับฉลากลอตเตอรี่มูลค่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.3 ล้านบาท เป็นครั้งแรกสำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยจะมีการจับรางวัล 40 วันติดต่อกันเพื่อชิงเงินรางวัล 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 4 กรกฎาคม โดยการจับรางวัลครั้งสุดท้ายจะได้รับเงินรางวัล 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13 ล้านบาท

จากการสำรวจโดย Morning Consult พบว่า กลเม็ดดังกล่าวอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่าในกลุ่มประชากรบางกลุ่ม แต่มีข้อเสียโดยรวมเล็กน้อยเช่นกัน

โดยจากการสำรวจผู้ใหญ่ 2,000 คน รวมถึงเกือบ 1,600 คนที่ไม่ได้รับวัคซีน พบว่าผู้ชายมีแนวโน้มมากกว่าผู้หญิงที่จะถูกข้อเสนอดังกล่าวกระตุ้นเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน และเมื่อแยกตามอายุพบว่า คนรุ่นมิลเลนเนียลมักจะพูดว่าของฟรีบางอย่างจะกระตุ้นให้พวกเขารับการฉีดวัคซีน

การสำรวจก่อนหน้านี้โดย Blackhawk Network พบว่ามากกว่า 2 ใน 3 ของผู้ใหญ่กล่าวว่าพวกเขาจะยอมรับสิ่งจูงใจทางการเงินตั้งแต่ 10 ดอลลาร์สหรัฐไปจนถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน โดย 1 ใน 3 กล่าวว่าพวกเขาจะรับการฉีดวัคซีนหากถูกเสนอด้วยเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐหรือน้อยกว่า

แคมเปญการสร้างแรงจูงใจให้ผู้คนเข้ารับการฉีดวัคซีนไม่ได้มีแต่ในอเมริกาเท่านั้น แต่ในไทยก็มีหลายแบรนด์ที่ออกมาทำแคมเปญในลักษณะนี้เช่นกันทั้ง Bar B Q Plaza ที่จะให้เกี๊ยวซ่าทอดฟรี, PoCha เกี๊ยวทอดผักโขมอบชีสฟรี, Charna เห็ดทอดซอสวาซามาโยฟรี, Texas Chicken ไก่คิกคิกฟรี, McDonald’s เฟรนช์ฟรายส์ฟรี, Major Cineplex ป๊อปคอร์นหรือน้ำอัดลมฟรี และ Auntie Anne’s ให้เพรทเซลฟรี เมื่อซื้อเพรทเซล 1 ชิ้น เป็นต้น

ข้อมูล ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2564 พบว่า ไทยมีตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก 3.836% ต่อสัดส่วนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งใช้ตัวเลข ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 คือมีประชากรทั้งสิ้น 66,186,727 ราย

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานจำนวนผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 รวม 54,977 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 40,562 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 14,415 ราย โดยมีผู้ได้รับวัคซีนสะสมทั้งหมด 3,664,859 ราย แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 2,539,491 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 1,125,368 ราย ซึ่งถือเป็นผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์

ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคน หรือคิดเป็น 70% ของจำนวนประชากรภายในสิ้นปี 2564

วัคซีนโควิด-19 ถือเป็น ‘แสงสว่างปลายที่ปลายอุโมงค์’ ที่ทุกธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่อยากให้เกิดการกระจายอยากฉีดให้เร็วที่สุด ด้วยเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ภาคธุรกิจสามารถฟื้นกลับมาจากอาการโคม่าได้

แต่ด้วยสัดส่วนการฉีดวัคซีนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ตลอดจนมีปัญหาสำคัญที่สุดคือ การจัดหาวัคซีนที่ล่าช้า ซึ่งวันนี้เองก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า วัคซีนที่ทุกคนรอคอยและต้องเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพจะได้รับการฉีดที่ครอบคลุมเมื่อไร

เพราะยิ่งช้าเท่าไร ยิ่งทำให้อาการโคม่าที่ธุรกิจเป็นอยู่ลุกลามจนทำให้ธุรกิจ ‘ตาย’ แทน ซึ่งวันนี้เราพบเห็นได้ทั่วไปจากป้ายประกาศปิดหรือขายกิจการที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ