วันนี้ (12 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นวันที่สองที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ ที่ได้รับการรับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
บุญส่ง น้อยโสภณ อดีตกรรมการการเลือกตั้ง สว. กลุ่ม 2 กลุ่มอาชีพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จากจังหวัดระยอง กล่าวถึงการเปลี่ยนบทบาทจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมาเป็นสมาชิกวุฒิสภาว่า ไม่ได้ตื่นเต้นมากนัก เนื่องจาก 5 ปีที่ผ่านมาตนก็เป็นที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 มาก่อน จึงเข้าใจบทบาทหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาเป็นอย่างดี พร้อมขอแสดงความยินดีกับสมาชิกวุฒิสภาชุดที่ 13 ทั้ง 200 คน ซึ่งบางชุดอาจอยู่ในวาระสั้นนิดหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ยาวแล้ว หวังว่าชุดนี้จะอยู่ครบ 5 ปี ส่วนการทำหน้าที่ก็ต้องตรงไปตรงมาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้มาเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งค่อนข้างระบุไว้ชัดเจนว่าต้องมีหน้าที่หรืออำนาจอย่างไรบ้าง
บุญส่งกล่าวว่า สำหรับตนเอง ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาเก่า ก็จะยึดหลักความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ มีความซื่อสัตย์สุจริตในการทำหน้าที่ และรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายอย่างเป็นกลาง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
ส่วนที่มีชื่อของตัวเองเป็นตัวเต็งประธานวุฒิสภานั้น ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่มีชื่อตามข่าว แต่ของจริงคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นหน้าที่และอำนาจของผู้ที่เสนอชื่อ และต้องเคารพสิทธิ์ของสมาชิกทุกคนว่าจะเลือกใครที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา รวมถึงรองประธานคนที่ 1 และคนที่ 2
ส่วนคุณสมบัติของประธานวุฒิสภานั้นบุญส่งกล่าวว่า ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมองทุกคนในแง่บวก โดยมองว่าคนที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ก็คงทำหน้าที่ได้ ยอมรับว่าส่วนตัวก็พร้อมทำหน้าที่หากได้รับเลือก เพราะเป็นคนร่างกฎหมายเหล่านี้ด้วย กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญตนก็มีส่วนร่วม เพราะเมื่อร่างเสร็จก่อนที่จะมีการนำส่งคืนทูลเกล้าฯ ก็ต้องไปผ่านศาลรัฐธรรมนูญเสียก่อน
ส่วนข้อครหาต่อที่มาของ สว. ชุดนี้นั้น บุญส่งกล่าวว่า ตนมองโลกในแง่บวกต่อสมาชิกทุกคน ไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย เพราะสมาชิกทุกคนต้องอยู่ด้วยกันด้วยความสามัคคี มีสิทธิเสรีภาพ เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องทำหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ และขอให้กำลังใจคนที่ถูกร้องเรียนด้วย เพราะมองว่าก็ยังไม่ได้มีความผิดอะไร หลังผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งหลังประกาศผลก็ต้องไปเข้าสู่กระบวนการศาลฎีกาอีกครั้งสำหรับผู้ทุจริตหรือทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาพยายามจับกลุ่มกัน เพื่อพูดคุยในเรื่องของการแบ่งสรรตำแหน่งประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาที่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง บุญส่งกล่าวว่า ขออย่าไปพูดถึงพรรคการเมืองเบื้องหลังในแง่ลบ เพราะส่วนตัวไม่คิดว่าจะมีพรรคการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะกฎหมายระบุชัดเจน และมีคณะกรรมการการเลือกตั้งคอยตรวจสอบอยู่ ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ พร้อมย้ำว่าทุกคนผ่านมาด้วยความบริสุทธิ์
เผย สว. สายน้ำเงินเข้ม เชิดชูสถาบัน
ขณะที่ พล.อ. เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สว. กลุ่มที่ 1 จากกลุ่มอาชีพการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง กล่าวถึงการรายงานตัวในวันนี้ว่า บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี รวมถึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นทั้งเจ้าหน้าที่รัฐสภาและสื่อมวลชน
พล.อ. เกรียงไกร ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกยกให้เป็นตัวเต็งในการดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาว่า เป็นมุมมองของสื่อมวลชน แต่ตนเองนั้นมีความตั้งใจที่จะทำหน้าที่ดูแลและแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเชื่อว่าตนเองนั้นมีประสบการณ์และมีองค์ความรู้ที่ก้าวสู่การดำรงตำแหน่ง
ส่วนความพร้อมในการดำรงตำแหน่งนั้นขอให้ถึงเวลานั้นก่อน แต่เมื่อถึงเวลาทุกคนก็ต้องพร้อม ไม่ใช่แค่ตนเอง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะถูกเสนอชื่อในการดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาอย่างเท่าเทียมกัน เพราะทุกคนมีประสบการณ์ มีองค์ความรู้ และมีความเหมาะสม เพียงแต่ตนเองนั้นถูกสื่อมวลชนนำเสนอมากกว่าเท่านั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกมีความหนักใจหรือไม่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความใกล้ชิดกับพรรคการเมืองบางพรรค พล.อ. เกรียงไกร ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด เพียงแต่ตนเองเป็นเพื่อนสนิทของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น โดยเพื่อนร่วมรุ่นหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 61 (วปอ.61) วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือแม้แต่ตอนที่ตนเองประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก (ฮท.60) ตกเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 อนุทินก็ช่วยดูแลด้านการแพทย์ให้
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีการพูดคุยหรือได้รับคำแนะนำในการลงสมัคร สว. จากอนุทินหรือไม่ พล.อ. เกรียงไกร กล่าวว่า อนุทินไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร ตอนที่ตนเองลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยท่านยังไม่ทราบเรื่อง แต่กล่าวกับตนเองว่าจะลงสมัครจริงหรือไม่ ตนเองก็ยืนยันว่าเอาจริง เอาแน่ เพราะอยากเข้ามาทำหน้าที่ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากได้เข้ามาดำรงตำแหน่ง สว. แล้ว ได้มีการพูดคุยกับอนุทินหรือไม่ พล.อ. เกรียงไกร กล่าวว่า มีการพบปะ รวมถึงมีการพูดคุยกันเสมออยู่แล้ว เวลาที่อนุทินในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราก็ให้คำแนะนำ และบางครั้งก็มีการติดตามไปลงพื้นที่ด้วย
“ที่ท่านว่าผมเป็น สว. สีน้ำเงิน (พยักหน้า) ผมเป็น สว. สีน้ำเงินเข้ม ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ผมเทิดทูนด้วยชีวิต” พล.อ. เกรียงไกร กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าว่าได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาหรือไม่ พล.อ. เกรียงไกรยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มี ใครชัดๆ มีแต่สื่อมวลชนที่รายงาน ขอขอบคุณมาก ขณะเดียวกันหลังบ้านตัวเองก็ยังไม่ได้รับการทาบทามใดๆ ยังว่าง