รัฐสภาเกาหลีใต้ได้ผ่านร่างกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ในระหว่างชั่วโมงเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีการศึกษาใหม่ในเดือนมีนาคม 2026 เป็นต้นไป
แม้ว่าหลายประเทศ เช่น ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, อิตาลี และจีน จะมีมาตรการจำกัดการใช้โทรศัพท์ในโรงเรียนอยู่แล้ว แต่เกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยกระดับเรื่องนี้ให้เป็นกฎหมายระดับชาติ เพื่อต่อสู้กับสิ่งที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นวิกฤตการเสพติดสมาร์ทโฟนในกลุ่มเด็กและเยาวชน
เบื้องหลังการผลักดันกฎหมายฉบับนี้คือความกังวลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากผลสำรวจของรัฐบาลในปี 2024 พบว่าเยาวชนอายุ 10-19 ปี ถึง 43% มีภาวะพึ่งพาสมาร์ทโฟนมากเกินไป ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศเกือบเท่าตัว
นอกจากนี้ วัยรุ่นกว่าหนึ่งในสามยังยอมรับว่าพวกเขามีปัญหาในการควบคุมเวลาที่ใช้ไปกับการดูวิดีโอในโซเชียลมีเดีย
รายงานของ BBC ระบุถึง ชเวอึนยอง คุณแม่ของลูกวัย 14 ปี ที่กล่าวว่า “เมื่อไปโรงเรียน เด็กๆ ควรจะเรียนหนังสือ สร้างมิตรภาพ และทำกิจกรรมต่างๆ แต่พวกเขากลับไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งเหล่านี้ได้”
เธอยังเสริมอีกว่า “แม้แต่ตอนที่คุยกับเพื่อน พวกเขาก็จะรีบกลับไปสนใจโทรศัพท์ของตัวเองในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเรียนอย่างเลี่ยงไม่ได้” ขณะที่ผู้ปกครองบางส่วนก็กังวลเรื่องการกลั่นแกล้งกันในโลกออนไลน์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
โชจองฮุน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ผลักดันร่างกฎหมายนี้ กล่าวว่า มีหลักฐานสำคัญทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่ชี้ว่าการเสพติดสมาร์ทโฟนส่งผลเสียอย่างยิ่งต่อพัฒนาการทางสมองและอารมณ์ของนักเรียน
กฎหมายฉบับใหม่นี้ไม่เพียงแต่จะห้ามใช้โทรศัพท์ในระหว่างชั่วโมงเรียน แต่ยังให้อำนาจครูในการจำกัดการใช้ในบริเวณโรงเรียนได้ด้วย พร้อมทั้งกำหนดให้โรงเรียนต้องให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้กลับสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์และไม่ได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะในกลุ่มครูที่ความคิดเห็นแตกออกเป็นสองฝั่ง สมาพันธ์ครูแห่งเกาหลีซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมสนับสนุนกฎหมายนี้ โดยอ้างอิงผลสำรวจภายในที่พบว่าครูเกือบ 70% รายงานว่าการใช้สมาร์ทโฟนสร้างปัญหาในห้องเรียน และมีกรณีที่นักเรียนบางคน “ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เมื่อถูกจำกัดการใช้โทรศัพท์ ถึงขั้นสบถด่าหรือแม้กระทั่งทำร้ายร่างกายครู”
ในทางกลับกัน นักวิจารณ์หลายคนมองว่ากฎหมายนี้อาจเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และสมาร์ทโฟนอาจเป็นแค่ ‘แพะรับบาป’ ของปัญหาที่ใหญ่กว่า นั่นคือระบบการศึกษาที่แข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
โชยองซอน ครูมัธยมปลายคนหนึ่งให้ความเห็นว่า นักเรียนในปัจจุบันแทบไม่มีพื้นที่ในการพบปะเพื่อนฝูงนอกเหนือจากโรงเรียนกวดวิชา โทรศัพท์จึงกลายเป็นช่องทางหลักในการสื่อสารและหลีกหนีจากความเครียด
ความกดดันดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่การสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัย หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ซูนึง’ ซึ่งเป็นการสอบมาราธอน 8 ชั่วโมงที่หลายคนเชื่อว่าเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตทั้งชีวิตของพวกเขา เด็กนักเรียนคนหนึ่งวัย 13 ปี เล่าว่าเขาไม่มีเวลาที่จะเสพติดโทรศัพท์ด้วยซ้ำ เพราะต้องเรียนพิเศษและทำการบ้านจนถึงหลังเที่ยงคืนแทบทุกวัน
มุมมองนี้สอดคล้องกับเสียงของนักเรียนเอง ซอมินจุน นักเรียนมัธยมปลายวัย 18 ปี กล่าวว่าการแบนโทรศัพท์ในห้องเรียนไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะนักเรียนก็จะไปใช้โทรศัพท์ในช่วงเวลาอื่นอยู่ดี สิ่งที่ขาดหายไปคือการให้ความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับการใช้งานอย่างเหมาะสม ไม่ใช่แค่การ ‘ริบ’ อุปกรณ์ไปเท่านั้น
ภาพ: fornStudio / Shutterstock
อ้างอิง: